รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ธุรกิจอเมริกันในจีนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการที่ทรัมป์ใช้มาตรการภาษีศุลกากรเพื่อแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตลอดจนการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรมในแดนมังกร ขณะในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงพร้อมยกเลิกคำสั่งห้ามทันทีที่ “แซดทีอี” ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีน นำเงิน 400 ล้านดอลลาร์เข้าบัญชีดูแลผลประโยชน์ เพิ่มเติมจากค่าปรับ 1,000 ล้านดอลลาร์ของข้อตกลงยอมความล่าสุด
ผลสำรวจความคิดเห็นของสมาคมหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้เกี่ยวกับบรรยากาศธุรกิจในจีนประจำปี 2018 ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพฤหัสบดี (12ก.ค.) พบว่า เกือบ 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจ 434 คน ไม่เห็นด้วยกับมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีเพียง 8.5% เห็นด้วย
คำแถลงสรุปรายงานการสำรวจชี้ว่า จีนและสหรัฐฯ ควรแก้ไขปัญหาท้าทายต่างๆ ด้วยวิธีการที่เท่าเทียมเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าระยะยาวที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์สำหรับประชาชนของทั้งสองประเทศ
สำหรับการสำรวจคราวนี้ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 10 เมษายนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม สะท้อนทั้งความกังวลและข้อเท็จจริงสำหรับธุรกิจอเมริกันในจีนในช่วงเวลาที่สถานการณ์ไร้ความแน่นอนมากขึ้นจากการที่ทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้ากับปักกิ่ง
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหาจีนใช้แนวทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของบริษัทท้องถิ่น อีกทั้งขัดขวางและบีบให้บริษัทอเมริกันถ่ายโอนเทคโนโลยี และสร้างยอดเกินดุลการค้ามหาศาลต่อสหรัฐฯ และในวันอังคาร (10) สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ประกาศแผนขึ้นภาษีศุลกากร 10% จากสินค้านำเข้าจีนล็อตใหม่มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์อาหาร ยาสูบ เคมีภัณฑ์ ถ่านหิน เหล็กกล้า และอลูมิเนียม
ผลสำรวจของสมาคมหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้พบว่า แม้บริษัทอเมริกันยังคงเผชิญความท้าทายในจีน ทว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 34% มองว่า นโยบายของทางการจีนต่อบริษัทต่างชาติมีพัฒนาการดีขึ้น เพิ่มจาก 28% ในการสำรวจปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทที่เห็นตรงกันข้ามลดลงเหลือ 23% จาก 33% ถึงแม้ 60% รู้สึกว่า กฎระเบียบโดยรวมของจีนขาดความโปร่งใส เท่าๆ กับผลสำรวจปีที่ผ่านมาก็ตาม
เรื่องการปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่เพียงพอและความจำเป็นในการต้องขอใบอนุญาต คือความท้าทายด้านกฎระเบียบที่สำคัญที่สุด กระนั้น บริษัทที่พบว่า ปัญหาสองข้อนี้เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจมีจำนวนน้อยลงกว่าปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ขณะที่สงครามการค้าวอชิงตัน-ปักกิ่งระอุหนักจากการตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีศุลกากร ในวันพุธ (11) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กลับออกคำแถลงเตรียมยกเลิกคำสั่งห้าม ทันทีที่แซดทีอี ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมอันดับ 2 ของจีน นำเงิน 400 ล้านดอลลาร์เข้าบัญชีดูแลผลประโยชน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงยอมความเมื่อเดือนที่แล้ว การยกเลิกคำสั่งเช่นนี้จะทำให้แซดทีอีสามารถเข้าถึงซัปพลายเออร์อเมริกันที่ป้อนชิ้นส่วนสำหรับการผลิตสมาร์ทโฟนและระบบเครือข่ายอีกครั้ง
จากคำสั่งแบนที่บังคับใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายน ได้ทำให้แซดทีอีต้องระงับการดำเนินกิจการหลักๆ หลายส่วน และยังเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีน
คำสั่งดังกล่าวเป็นมาตรการลงโทษจากกรณีที่แซดทีอีละเมิดข้อตกลงยอมความที่ตกลงกันเมื่อปีที่แล้ว หลังจากบริษัทแห่งนี้ยอมรับต่อศาลของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ว่า ลักลอบส่งสินค้าและเทคโนโลยีของอเมริกาไปให้อิหร่าน ซึ่งถือว่า ละเมิดมาตรการแซงก์ชันของอเมริกา และมีการปรับแซดทีอีเกือบ 900 ล้านดอลลาร์
สำหรับข้อตกลงยอมความครั้งใหม่ ครอบคลุมถึงค่าปรับ 1,000 ล้านดอลลาร์ที่แซดทีอีจ่ายให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว และอีก 400 ล้านดอลลาร์ที่ต้องฝากเข้าบัญชีดูแลผลประโยชน์ ซึ่งอเมริกาสามารถริบได้ ถ้าแซดทีอีละเมิดข้อตกลงยอมความนี้อีก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงว่า การดำเนินการในส่วนแซดทีอีเป็นการบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษขั้นรุนแรงที่สุดในกรณีความผิดลักษณะนี้ และไม่เกี่ยวข้องกับการหารือนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่มีขอบเขตกว้างขวางกว่า
ปีที่ผ่านมา แซดทีอีซึ่งว่าจ้างพนักงานราว 80,000 คน สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทซัปพลายเออร์อเมริกันกว่า 200 แห่ง อาทิ ควอลคอม, อินเทล, บรอดคอม และเทกซัส อินสตรูเมนต์ส รวมเป็นมูลค่ากว่า 2,300 ล้านดอลลาร์
สัปดาห์ที่แล้ว บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แดนมังกรแห่งนี้ได้รับการชะลอการลงโทษ 1 เดือนจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อให้สามารถคงการดำเนินการอุปกรณ์และเครือข่ายที่มีอยู่
นอกจากการจ่ายค่าปรับแล้ว ภายใต้ข้อตกลงใหม่แซดทีอียังต้องเปลี่ยนคณะกรรมการบริหาร ว่าจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบจากภายนอกที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เลือกให้ รวมถึงยอมให้ทางการสหรัฐฯ เข้าตรวจสอบสถานที่โดยปราศจากเงื่อนไข เพื่อให้แน่ใจว่า ชิ้นส่วนที่สั่งซื้อไปไม่ได้นำไปจำหน่ายต่อ