เอเอฟพี - ศาลแคลิฟอร์เนียเริ่มเปิดการไต่สวนคดีที่ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายคนหนึ่งซึ่งเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่เดือน ยื่นฟ้องร้องว่ายากำจัดวัชพืช “ราวด์อัพ” ของมอนซานโต เป็นสาเหตุอาการเจ็บป่วยของเขา คดีนี้ถูกจับตามองกันเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีแรกที่ยาฆ่าหญ้ายี่ห้อดังนี้ถูกฟ้องร้องว่าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในมนุษย์ ท่ามกลางการถกเถียงกันยังไม่ลงตัวของพวกนักวิจัยและหน่วยงานผู้คุมกฎทั่วโลก
ทิโมธี ลิตเซนเบิร์ก ทนายความของดเวย์น จอห์นสัน วัย 46 ปี เผยว่า ลูกความของตนเชื่อว่า การสัมผัสกับ “ราวด์อัพ” นาน 2 ปีนับจากปี 2012 ขณะทำงานเป็นคนดูแลสนามให้โรงเรียนเบนิเซีย ใกล้ๆ เมืองซานฟรานซิสโก เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งของเขา
ลิตเซนเบิร์กแจงว่า หน้าที่หลักของจอห์นสันเกี่ยวข้องกับการฉีดราวด์อัพ หรือเรนเจอร์ โปร (ผลิตภัณฑ์คล้ายกันที่ผลิตโดยมอนซานโต) 20-40 ครั้งต่อปี ซึ่งบางครั้งใช้ยาฆ่าวัชพืชหลายร้อยแกลลอน
ปี 2014 จอห์นสันได้รับการวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิน หรือมะเร็งที่ส่งผลต่อเซลล์เม็ดเลือดขาว สองปีต่อมาเขาไม่สามารถทำงานได้และฟ้องมอนซานโตว่า ปิดบังอันตรายของราวด์อัพซึ่งมีสารไกลโฟเสต ที่ว่ากันว่า เป็นสารก่อมะเร็ง เป็นส่วนผสมหลัก
กุญแจสำคัญในคดีนี้คือ การโน้มน้าวให้คณะลูกขุนเชื่อว่า ยาฆ่าหญ้าของมอนซานโตเป็นต้นเหตุที่ทำให้จอห์นสันเป็นมะเร็ง
ลิตเซนเบิร์กบอกว่า สาเหตุที่มีการเร่งรัดไต่สวนคดีนี้เนื่องจากลูกความของตนจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่เดือน โดยการไต่สวนมีกำหนดเริ่มต้นในวันจันทร์ (9 ก.ค.) ที่แคลิฟอร์เนีย
ทั้งนี้ กฎหมายแคลิฟอร์เนียอนุญาตให้เร่งรัดการพิจารณาคดี หากคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใกล้เสียชีวิต และจอห์นสันเป็นโจทก์คนแรกที่ยื่นฟ้องราวด์อัพโดยใช้กฎหมายนี้
อย่างไรก็ดี จอห์นสันยังไม่ได้ระบุค่าเสียหายที่ต้องการเรียกร้องจากมอนซานโต ขณะที่ลิตเซนเบิร์กเสริมว่า เขาเป็นตัวแทนเหยื่อของไกลโฟเสตอีกหลายร้อยคน
ลินดา เวลส์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการองค์กรในย่านมิดเวสต์ของกลุ่มเครือข่าย เพสติไซด์ แอ็กชัน เน็ตเวิร์ก นอร์ท อเมริกา กล่าวหาว่า มอนซานโตจงใจปิดบังไม่ให้สาธารณชนรับรู้เกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของราวด์อัพมานับสิบปี และหากจอห์นสันชนะคดีจะถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมยาฆ่าวัชพืชโดยรวม
กระนั้น บรรดาผู้คุมกฎของรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญ และนักกฎหมาย ยังถกเถียงกันโดยไม่ได้ข้อสรุปว่า ไกลโฟเสตเป็นสาเหตุของมะเร็งหรือไม่
สำนักงานเพื่อการวิจัยมะเร็งนานาชาติในสังกัดขององค์การอนามัยโลก จัดให้ไกลโฟเสตซึ่งใช้กันแพร่หลายทั่วโลก เป็นสารที่น่าจะก่อมะเร็ง ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียฟันธงว่า สารนี้เป็นสารก่อมะเร็ง ทว่า หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารและสารเคมีหลายแห่งในยุโรปไม่เห็นด้วย ส่วนผลการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขอเมริการะบุว่า ไกลโฟเสตมีความเป็นพิษเพียงจำกัด
มอนซานโตนั้นปฏิเสธมาตลอดว่า ไกลโฟเสตไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง โดยอ้างอิงผลศึกษาทางวิทยาศาสตร์กว่า 800 ฉบับ และยังอ้างว่า สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ และผู้คุมกฎทั่วโลก สรุปแล้วว่า สารชนิดนี้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและไม่ก่อมะเร็ง
มอนซานโตก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1901 ในเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรีของอเมริกา โด่งดังจากการผลิตแซกคารินหรือสารเพิ่มความหวาน ทศวรรษ 1940 บริษัทเริ่มเข้าสู่ธุรกิจสารเคมีทางการเกษตร ปัจจุบันว่าจ้างพนักงาน 20,000 คนทั่วโลก มีรายได้ปีละ 15,000 ล้านดอลลาร์ และเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งขายกิจการให้ไบเออร์ของเยอรมนีในราคากว่า 62,000 ล้านดอลลาร์
มอนซานโตเป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิต “ฝนเหลือง” ที่เชื่อมโยงกับมะเร็งและโรคอื่นๆ เพื่อให้กองทัพอเมริกันนำไปใช้ในสงครามเวียดนาม แต่บริษัทปฏิเสธความรับผิดชอบต่อวิธีการที่กองทัพนำสารดังกล่าวไปใช้
มอนซานโตยังผลิตดีดีที ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงที่เป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท
ส่วนราวด์อัพถือกำเนิดในปี 1976 หลังจากนั้นไม่นาน มอนซานโตริเริ่มพืชตัดต่อพันธุกรรม (จีเอ็มโอ) โดยทำให้พืชจีเอ็มโอบางชนิดสามารถต้านทานราวด์อัพได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้ราวด์อัพควบคู่ไปกับการปลูกพืชจีเอ็มโอเหล่านี้ได้
ยาฆ่าวัชพืชตัวนี้ถูกกล่าวหาว่ากำลังทำลายสิ่งแวดล้อม โดยมีส่วนทำให้ประชากรผึ้งลดจำนวนลง รวมทั้งมีฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ