เอเจนซีส์ - อังกฤษเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน หลังผลตรวจจากสถาบันวิจัยทางทหารยืนยันชายหญิงที่ล้มป่วยกะทันหันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกสารทำลายประสาท “โนวิช็อก” แบบเดียวกับอดีตสายลับสองหน้ารัสเซียเมื่อต้นปี
นีล บาซู ผู้ประสานงานตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษ แถลงเมื่อวันพุธ (4 ก.ค.) ว่า ผลตรวจจากสถาบันวิจัยทางทหารพอร์ตัน ดาวน์ระบุว่า ชายหญิงที่ล้มป่วยกะทันหันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 มิ.ย.) ที่เอมส์บิวรี และขณะนี้ยังมีอาการวิกฤต ได้รับสารพิษทำลายประสาท “โนวิช็อก” แบบเดียวกับคดีลอบสังหารเซียร์เก สกรีปัล อดีตสายลับสองหน้าของรัสเซียที่แปรพักตร์ไขความลับให้หน่วยเอ็มไอ6 ของอังกฤษ และ ยูเลีย ลูกสาวของเขา เมื่อต้นเดือนมีนาคมในเมืองซัลส์บิวรี ที่อยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุล่าสุดเพียง 11 กิโลเมตร
อังกฤษกล่าวหารัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีพ่อลูกสกรีปัลด้วยโนวิช็อก ซึ่งเป็นสารพิษทำลายประสาทที่กองทัพโซเวียตพัฒนาขึ้นมาในช่วงสงครามเย็น และถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้อาวุธเคมีในแผ่นดินยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชาติตะวันตกจำนวนมากพร้อมใจขับนักการทูตรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับจากยุคสงครามเย็น เนื่องจากพันธมิตรตะวันตกและสหรัฐฯ สนับสนุนข้อสรุปของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษว่า มอสโกเป็นผู้วางแผนการลอบสังหารสกรีปัลหรือปล่อยให้โนวิช็อกหลุดรอดออกมา
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดในการโจมตี รวมทั้งแรงจูงใจยังคงเป็นปริศนาลึกลับมาจนถึงตอนนี้
ขณะที่รัสเซียนั้นปฏิเสธตั้งแต่แรกว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ซ้ำบอกว่า อาจเป็นแผนของสายลับอังกฤษเองที่ต้องการปลุกปั่นให้ประเทศต่างๆ ต่อต้านตน มอสโกยังตอบโต้ด้วยการขับนักการทูตตะวันตก พร้อมย้อนถามว่า ลอนดอนรู้ได้อย่างไรว่า รัสเซียทำ และทำไมรัสเซียจึงต้องลอบสังหารสายลับทรยศปลดระวางที่ได้รับการอภัยโทษและอยู่ในข้อตกลงแลกตัวสายลับที่เครมลินอนุมัติเมื่อปี 2010
กระนั้น เมื่อวันพฤหัสบดี (5) เบน วอลเลซ รัฐมนตรีความมั่นคงของอังกฤษ เรียกร้องให้รัสเซียแก้ไขความผิดด้วยการแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้โนวิช็อกลอบทำร้ายพ่อลูกสกรีปัล
วันเดียวกัน สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซีย รายงานโดยอ้างอิงความเห็นจากวลาดิมีร์ ชามานอฟ ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการกลาโหมของรัฐสภารัสเซียว่า อังกฤษควรขอให้ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียช่วยในการสอบสวนเหตุการณ์ลอบวางยาพิษที่เกิดขึ้น
ขณะนี้ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษกำลังสอบสวนคดีล่าสุด โดยบาซูยอมรับว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เหยื่อทั้งคู่ซึ่งสื่อรายงานว่า ฝ่ายหญิงชื่อ ดอว์น สเตอร์เกสส์ วัย 44 ปี และฝ่ายชาย ชาร์ลี โรว์ลีย์ วัย 45 ปี สัมผัสโนวิช็อกได้อย่างไร และไม่มีข่าวกรองหรือหลักฐานใดๆ บ่งชี้ว่า ทั้งสองคนเป็นเป้าหมายการทำร้าย รวมทั้งยังไม่มีหลักฐานว่า ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยไปสถานที่ที่พ่อลูกสกรีปัลเคยถูกลอบโจมตีซึ่งได้รับการฆ่าเชื้อแล้ว
ทั้งนี้ หน่วยแพทย์ฉุกเฉินถูกเรียกไปที่บ้านหลังหนึ่งในเอมส์บิวรีเมื่อเช้าวันเสาร์ หลังจากสเตอร์เกสส์ ล้มป่วยกะทันหัน และถูกตามกลับไปที่บ้านหลังเดิมในเวลาต่อมาเพื่อรับตัวโรว์ลีย์ ซึ่งตอนแรกแพทย์สงสัยว่า ทั้งคู่อาจเสพเฮโรอีนหรือโคเคน แต่ผลการตรวจพบว่า ทั้งสองคนได้รับสารทำลายประสาทโนวิช็อก และขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเทศมนฑลซัลส์บิวรีที่เดียวกับที่รักษาพ่อลูกสกรีปัล
ตำรวจหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายราว 100 นายกำลังเร่งสืบสวนคดีนี้ และมีการปิดล้อมสถานที่อย่างน้อย 5 แห่ง ได้แก่สวนสาธารณะและศูนย์พักพิงคนไร้บ้านในซัลส์บิวรี รวมทั้งร้านขายยา บ้านพัก และโบสถ์ในเอมส์บิวรี
บาซูสำทับว่า อาจส่งตำรวจสวมชุดป้องกันวัตถุอันตรายลงพื้นที่เหมือนเมื่อครั้งสืบสวนคดีสกรีปัลในซัลส์บิวรี และว่า ขณะนี้ยังไม่รู้ว่า สารพิษที่เหยื่อล่าสุดสัมผัสเป็นชุดเดียวกับที่ทำร้ายสกรีปัลหรือไม่ แต่ตั้งสมมติฐานว่า สองเหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกัน
แซลลี เดวีส์ ผู้อำนวยการสถาบันสาธารณสุขอังกฤษยืนยันว่า มีความเสี่ยงน้อยมากสำหรับประชาชนทั่วไป แม้การที่เหยื่อล่าสุดซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสายลับหรืออดีตสหภาพโซเวียตเลย จะทำให้คนมากมายกังวลว่า สารพิษอาจยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณนั้นก็ตาม
ขณะเดียวกัน โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงว่า คณะกรรมาธิการสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลนัดประชุมฉุกเฉินในวันพฤหัสบดี โดยมีซาจิด จาวิด รัฐมนตรีมหาดไทยเป็นประธานการประชุม