ศาลเอกวาดอร์สั่งจับกุมอดีต ปธน. “ราฟาเอล กอร์เรอา” ในคดีลักพาตัว ส.ส.ฝ่ายค้าน

เอเจนซีส์ - ผู้พิพากษาเอกวาดอร์มีคำสั่งจับกุมอดีตประธานาธิบดีราฟาเอล กอร์เรอา ในคดีลักพาตัว ส.ส.ฝ่ายค้านเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.) ขณะที่อดีตผู้นำฝ่ายซ้ายซึ่งพำนักอยู่ในเบลเยียมกับภริยาประกาศจะยื่นอุทธรณ์และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

ศาลยุติธรรมแห่งชาติเอกวาดอร์แถลงว่า ผู้พิพากษาหญิง ดาเนียลลา คามาโช มีคำสั่งให้นำตัว กอร์เรอา มาคุมขังเพื่อความปลอดภัย (preventive detention) และได้แจ้งขอความร่วมมือไปยังตำรวจสากลแล้ว

กอร์เรอา ซึ่งครองอำนาจระหว่างปี 2007-2017 เดินทางไปพำนักอยู่ในเบลเยียมกับภริยาซึ่งเป็นคนที่นั่น แต่ยังคงถูกทางการเอกวาดอร์สอบสวนฐานมีส่วนพัวพันกับคดีลักพาตัว ส.ส.เฟอร์นันโด บัลดา เมื่อปี 2012

เขายืนกรานว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ และกล่าวหาประธานาธิบดีเลนิน โมเรโน ว่าพยายามป้ายสีความผิดให้ตนเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

บัลดา ถูกลักพาตัวไปชั่วระยะเวลาสั้นๆ ในโคลอมเบีย หลังจากที่หลบหนีคำสั่งจำคุก 2 ปีในคดีหมิ่นประมาท กอร์เรอา

เขาได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจโคลอมเบียภายในไม่กี่ชั่วโมง และอ้างว่า กอร์เรอา ซึ่งเป็นผู้นำเอกวาดอร์ในขณะนั้นอยู่เบื้องหลังการลักพาตัว

สำนักงานอัยการได้ยื่นคำร้องเมื่อเดือน มิ.ย. ให้ กอร์เรอา ถูกดำเนินคดีในฐานะ “ผู้บงการ” ต่อมาผู้พิพากษา คามาโช ได้สั่งให้ กอร์เรอา ซึ่งอาศัยอยู่ในเบลเยียมต้องเดินทางมาขึ้นศาลเอกวาดอร์ทุกๆ 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงกำหนดขึ้นศาลนัดแรกในวันจันทร์ (2) กอร์เรอา กลับไปปรากฏตัวแค่ที่สถานกงสุลเอกวาดอร์ในเบลเยียม ซึ่งผู้พิพากษา คามาโช ชี้ว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งศาล

“ผู้พิพากษาดาเนียลลา คามาโช ได้รับคำร้องจากอัยการ และสั่งให้นำตัวอดีตประธานาธิบดี ราฟาเอล กอร์เรอา มาคุมขังเพื่อความปลอดภัย ในฐานะผู้ต้องสงสัยร่วมกระทำความผิดฐานซ่องโจร (illicit association) และลักพาตัว” สำนักงานอัยการเอกวาดอร์แถลงผ่านทวิตเตอร์

“หลังจากนี้จะมีการส่งหนังสือแจ้งไปยังอินเทอร์โพลให้ช่วยจับกุมเขา เพื่อนำไปสู่การเนรเทศ”

ทนายของกอร์เรอาชี้ว่า คำสั่งศาลในครั้งนี้มาจากแรงกดดันของประธานาธิบดีโมเรโน ซึ่งหันมาเล่นงานอดีตพันธมิตรอย่าง กอร์เรอา หลังจากที่ชนะศึกเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว

กอร์เรอาได้ทวีตข้อความเช่นกันว่า ความพยายามที่จะนำตนเข้าคุกไม่มีวันสำเร็จ

“ผมสบายดี ไม่ต้องห่วง... พวกเขาพยายามสร้างความอับอายแก่เราและทำให้เราลำบาก แต่ความชั่วร้ายเช่นนี้ไม่มีวันเติบโตได้ในประเทศอย่างเบลเยียมซึ่งมีหลักนิติธรรม”