เอเจนซีส์ - แอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ลอยลำในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโกตามคาด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเมืองแดนจังโก้และสะท้อนความเดือดดาลของประชาชนที่มีต่อปัญหาคอร์รัปชันอื้อฉาวยาวนานและความป่าเถื่อนรุนแรงภายในประเทศ นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่า พรรคของว่าที่ประธานาธิบดีผู้นี้จะครองเสียงข้างมากทั้งในสภาสูงและสภาล่าง
โลเปซ โอบราดอร์ หรือ “แอมโล” กวาดคะแนน 53% จากการนับคะแนนด่วนของทางการที่เปิดเผยออกมาในวันจันทร์ (2 ก.ค.) นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเม็กซิโกที่ผู้สมัครได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาลงคะแนน
โลเปซ โอบราดอร์ ที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3 ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังได้รับชัยชนะว่า ปัญหาการทุจริตคือต้นเหตุสำคัญของความเหลื่อมล้ำและความรุนแรงที่หลอกหลอนเม็กซิโกมานานหลายปี และเขาจะกวาดล้างคนโกงไม่เลือกหน้า แม้เป็นเพื่อน เจ้าหน้าที่ หรือกระทั่งสมาชิกครอบครัวก็ตาม
อดีตผู้ว่าการเม็กซิโกซิตี้วัย 64 ปีผู้นี้ ยังพยายามคลายความกังวลหลังมีผู้วิจารณ์ว่า เขาจะใช้นโยบายเผด็จการแบบเวเนซุเอลา ด้วยการยืนยันว่า รัฐบาลชุดใหม่จะเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จะไม่พยายามสร้างแนวทางเผด็จการทั้งแบบเปิดเผยและซ่อนเร้น พร้อมให้สัญญาปกป้องเสรีภาพ เคารพภาคเอกชน และสร้างความปรองดอง
ว่าที่ประธานาธิบดีเม็กซิโกยังลดท่าทีขึงขังเมื่อครั้งหาเสียงและอวดอ้างว่า จะทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้าง โดยประกาศสานต่อมิตรภาพและความร่วมมือกับอเมริกา
ทางด้านผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำให้ชาวเม็กซิโกเคืองแค้นจากนโยบายต่อต้านคนเข้าเมืองและต่อต้านการค้า ทวิตแสดงความยินดีและบอกว่า รอที่จะได้ร่วมมือกับโลเปซ โอบราดอร์ เพื่อผลประโยชน์ของอเมริกาและเม็กซิโก
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แสดงความยินดีกับโลเปซ โอบราดอร์ เช่นเดียวกัน และตอกย้ำการร่วมมือระหว่างแคนาดากับเม็กซิโกในการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ตามที่ทรัมป์เรียกร้อง
ชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (1) ของโลเปซ โอบราดอร์ มาจากความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อเรื่องคอร์รัปชันอื้อฉาวมากมายไม่หยุดหย่อน และอาชญากรรมรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดโดยปี 2017 ที่ผ่านมามีเหยื่อฆาตกรรมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 25,000 คน ซึ่งสาเหตุใหญ่มาจากแก๊งยาเสพติดทรงอิทธิพล
นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่า พรรคโมรีนา ซึ่งโลเปซ โอบราดอร์ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 อาจได้ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาสูงและสภาล่าง รวมทั้งประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งผู้ว่าการ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึง คลอเดีย เชนโบม นักวิจัยและนักสิ่งแวดล้อม ที่เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการเม็กซิโกซิตี้
ริคาร์โด อนายา จากพรรคอนุรักษ์นิยม เนชันแนล แอ็กชัน ปาร์ตี้ (แพน) ผู้สมัครที่มีคะแนนอันดับ 2 และอันดับ 3 คือ โฮเซ แอนโตนิโอ มีเอเด จากพรรครัฐบาล อินสติติวชันนัล เรฟโวลูชันนารี ปาร์ตี้ (พีอาร์ไอ) ต่างประกาศยอมรับความพ่ายแพ้และออกมาแสดงความยินดีกับโลเปซ โอบราดอร์
การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญของการเมืองเม็กซิโก ทั้งความพ่ายแพ้ของพีอาร์ไอและแพน ที่สลับกันปกครองเม็กซิโกมาเกือบร้อยปี และการที่โลเปซ โอบราดอร์จะได้เป็นประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายคนแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเม็กซิโกเมื่อเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 1 ธันวาคม
หลังจากหาเสียงด้วยนโยบายเลิศหรูแต่ไร้รายละเอียด เม็กซิโกกำลังรอคอยว่า คำสัญญาของโลเปซ โอบราดอร์จะทำให้ประเทศชาติเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ในการปราศรัยฉลองชัยชนะ โลเปซ โอบราดอร์ระบุว่า หนึ่งในเป้าหมายสำคัญอันดับแรกคือ การปราบปรามคอร์รัปชัน
อย่างไรก็ดี มาร์ก เวสบรอต ผู้อำนวยการร่วมศูนย์เพื่อการวิจัยด้านเศรษฐกิจและนโยบายในกรุงวอชิงตัน ชี้ว่า งานนี้ถือเป็นภารกิจท้าทายใหญ่หลวงที่สุดและไม่ง่ายเลย เมื่อพิจารณาจากอิทธิพลของแก๊งค้ายาและสายสัมพันธ์แน่นหนากับรัฐบาลและกองทัพเม็กซิโก
โลเปซ โอบราดอร์ยังบรรเทาความกังวลของภาคธุรกิจด้วยการเปิดเผยว่า ได้ระดมทีมที่ปรึกษาที่เป็นมิตรต่อตลาด รวมทั้งชะลอข้อเสนอที่สร้างความขัดแย้ง เช่น การคัดค้านแผนปฏิรูปพลังงานของประธานาธิบดีเอนรีเก เปญา เนียโต ที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง
ขณะที่สภาความร่วมมือทางธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดของเม็กซิโก ยอมสงบศึกโดยประกาศว่า จะร่วมกับทีมที่ปรึกษาของว่าที่ประธานาธิบดี เพื่อสร้างวาระการพัฒนา เสถียรภาพ และความไว้วางใจ
