กต./เอเจนซี - กระทรวงการต่างประเทศของไทยในวันศุกร์(29มิ.ย.) ออกถ้อยแถลงย้ำไทยจะยังคงมุ่งมั่นป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง หลังได้รับการปรับให้ขึ้นมาอยู่ใน Tier 2 ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี(28มิ.ย.)
ไทยได้รับการปรับสถานะสู่ "เทียร์ 2" ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ Trafficking In Persons (TIP) ของสหรัฐฯ ประจำปี 2018 จาก "เทียร์ 2 ต้องเฝ้าจับตามอง" ในปี 2017
รายงานที่เผยแพร่โดยวอชิงตันระบุว่าไทยได้รับการปรับสถานะ สืบเนื่องจากความพยายามอย่างมากของไทยในภาระความรับผิดชอบสำหรับกำจัดขบวนการค้ามนุษย์
"รัฐบาล(ไทย) แสดงให้เห็นว่ากำลังเพิ่มความพยายามผ่านการดำเนินคดีและลงโทษพวกค้ามนุษย์มากขึ้นและลดระยะเวลาของการดำเนินคดีตามกฎหมายสำหรับคดีค้ามนุษย์ต่างๆผ่านหน่วยงานพิเศษที่บังคับใช้กฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์" เนื้อหาในรายงานที่เผยแพร่โดยวอชิงตันเมื่อวันพฤหัสบดี
ในรายงานยังอ้างอีกว่าไทยได้ยกระดับการสืบสวนคดีต่างๆที่ต้องสงสัยว่ามีพวกเจ้าหน้าที่สมรู้ร่วมคิดกับอาชญากรรมค้ามนุษย์และพิพากษาลงโทษเจ้าหน้าที่ที่สมรู้ร่วมคิดไปแล้ว 12 รายเมื่อปีก่อน ในนั้น 11 รายเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าผู้อพยพโรฮิงญา
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยเผยแพร่คำแถลงในวันศุกร์(29ม.ย.) ระบุว่าการปรับอันดับของไทยให้อยู่ใน Tier 2 สะท้อนให้เห็นว่า "สหรัฐอเมริกาตระหนักถึงความจริงจัง ความพยายาม และความคืบหน้าในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบที่รัฐบาลไทยได้มุ่งมั่นสร้างขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด การคุ้มครองดูแลผู้เสียหาย และการป้องกันการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ โดยไทยพร้อมจะร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศ องค์การระหว่างประเทศ และนานาประเทศซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อผลักดันให้การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในเชิงกว้างและลึกมากยิ่งขึ้นในอนาคต"
"การที่ไทยได้รับอันดับที่ดีขึ้นไม่ได้ทำให้รัฐบาลไทยนิ่งนอนใจต่อปัญหาการค้ามนุษย์ ไทยจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนากรอบกฎหมายและนโยบาย รวมทั้งหาทางเพิ่มพูนประสิทธิภาพการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อปกป้องคุ้มครองชาวไทยและชาวต่างชาติในไทย ซึ่งเสมอกันด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือตลอดมา" กระทรวงการต่างประเทศระบุ