สหรัฐฯ เปิด “กองบัญชาการทหารแห่งใหม่” ในเกาหลีใต้

เอเอฟพี – กองกำลังสหรัฐฯในเกาหลีใต้เปิดกองบัญชาการแห่งใหม่ในวันนี้ (29) บนพื้นที่ที่พวกเขาเรียกว่าเป็นฐานที่มั่นต่างแดนที่ใหญ่ที่สุดของวอชิงตัน ไม่กี่สัปดาห์หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาต้องการพาทหารกลับบ้าน

สหรัฐฯและเกาหลีใต้เป็นพันธมิตรตามข้อตกลงและกองกำลังสหรัฐฯในเกาหลีใต้ (US Forces Korea : USFK) มีกองบัญชาการใหญ่อยู่ในเขตยองซาน ใจกลางกรุงโซลบนทำเลที่ดีที่สุดมานานหลายสิบปีแล้ว

พันธมิตรทั้งสองเห็นพ้องกันมาตั้งแต่ปี 1990 ว่าจะย้ายกองบัญชาการใหญ่ไปยังค่ายฮัมฟรีย์ ฐานทัพอีกแห่งหนึ่งในเขตพยองแต๊ก ห่างจากเมืองหลวงไปทางใต้ราว 60 กิโลเมตร

แต่โครงการดังกล่าวถูกเลื่อนออกไปหลายปีเนื่องจากการประท้วงของคนท้องถิ่น ปัญหาการเงิน และงานก่อสร้างขนาดใหญ่

เป็นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งปี 2013 ที่หน่วยแรกถูกย้ายข้ามไปยังค่ายฮัมฟรีย์ ตั้งชื่อตามนักบินคนหนึ่งที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์

กองบัญชาการ USFK โยกย้ายในวันนี้ (29) เช่นเดียวกับกองบัญชาการใหญ่สหประชาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรในสงครามเกาหลีสู้รบภายใต้ร่มธงนี้ ขณะที่หน่วยอื่นๆ จะย้ายตามมาในภายหลัง

สหรัฐฯมีทหารประจำการในเกาหลีใต้ 28,500 คนเพื่อป้องกันพันธมิตรจากเกาหลีเหนือ และความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังทรัมป์และผู้นำ คิม จองอึน ของเปียงยางประชุมซัมมิทในสิงคโปร์

ในการแถลงข่าวหลังการประชุม ทรัมป์ประกาศว่า เขาจะระงับการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ซึ่งโซลระบุว่า พวกเขาไม่ได้รับแจ้งก่อนล่วงหน้า และกล่าวเสริมในตอนนั้นว่า “ผมอยากพาทหารของเรากลับบ้าน”

ทรัมป์เรียกร้องให้เกาหลีใต้ออกค่าใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับการตั้งอยู่ของกองทัพสหรัฐฯในประเทศ และการเจรจาเกี่ยวกับประเด็นนี้กำลังดำเนินอยู่

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการ USFK วินเซนต์ บรู๊ค บอกในพิธีเปิดวันนี้ (29) ว่า โซลรับผิดชอบกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของค่ายใช้จ่าย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ของค่ายฮัมฟรีย์ “ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นฐานที่มั่นต่างแดนของสหรัฐฯที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่าย และสำหรับ 90 เปอร์เซ็นต์นั้น สหรัฐฯยังอยู่เคียงข้างท่าน 100 เปอร์เซ็นต์” เขากล่าวเสริม

ค่ายฮัมฟรีย์ประกอบด้วยอาคารทั้งหมด 513 หลังรวมถึงโรงเรียน ร้านค้า ธนาคาร บนพื้นที่ขนาด 14.7 ล้านตารางเมตร และรับรองคน 43,000 คนรวมทั้งด้วยทหารและสมาชิกครอบครัวของพวกเขาภายในสิ้นปี 2022

การสร้างกองบัญชาการใหญ่แสดงให้เห็นถึง “การลงทุนครั้งสำคัญในการคงอยู่ระยะยาวของกองกำลังสหรัฐฯในเกาหลี” บรู๊ค กล่าว และเสริมว่า “USFK จะยังคงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงข้อผูกมัดของสหรัฐฯต่อความเป็นพันธมิตร”

เกาหลีเหนือซึ่งรุกรานเพื่อนบ้านในปี 1950 ยังไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าจะยอมละทิ้งอาวุธของพวกเขา ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็วในและนอกคาบสมุทรโดยมีประธานาธิบดี มุน แจอิน ของเกาหลีใต้เป็นคนกลางก็ตาม

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ซอง ยังมู กล่าว่า USFK จะรับบทบาทใหม่ในขณะที่สภาพการณ์เปลี่ยนจาก “การเผชิญหน้าแบบสงครามเย็นไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข”