เอเจนซีส์ - นายใหญ่เพนตากอนแสดงท่าทีสงบปากสงบคำก่อนเยือนปักกิ่งในวันอังคาร (26 มิ.ย.) ระบุพร้อมเปิดใจคุยกับผู้นำจีนแบบไม่คาดคิดหรือคาดหวังอะไรล่วงหน้า ถึงแม้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนเขาเพิ่งกล่าวประณามแดนมังกรอย่างรุนแรง สำหรับประเด็นสำคัญที่เขาจะหารือได้แก่เรื่องเกาหลีเหนือและทะเลจีนใต้
จิม แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงข่าวขณะเขาหยุดแวะที่อะแลสกาเมื่อวันอาทิตย์ (24) เกี่ยวกับการเดินทางเยือนจีนระหว่างวันอังคาร (26) ถึงวันพฤหัสบดีนี้ (28) ว่า เขาต้องการรับรู้ความทะเยอทะยานเชิงยุทธศาสตร์ของจีนหลังจากนำระบบอาวุธไปติดตั้งบนเกาะเทียมของตนในทะเลจีนใต้ รวมทั้งยังหวังว่า จะได้รับการยืนยันจากปักกิ่งในเรื่องกดดันเกาหลีเหนือให้ยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ ควบคู่กับการบังคับใช้มาตรการแซงก์ชั่นเปียงยางต่อเนื่อง
การเยือนครั้งนี้มีขึ้นขณะที่อเมริกาและจีนกำลังขัดแย้งกันในหลายด้าน ทั้งเรื่องการค้า ภัยคุกคามทางไซเบอร์ และการทหาร
เมื่อเดือนพฤษภาคม กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แสดงความไม่พอใจต่อการที่จีนติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ในทะเลจีนใต้ ด้วยการประกาศงดเชิญปักกิ่งร่วมซ้อมรบใหญ่ที่มีชื่อรหัสว่า “ริมแพค” และมีประเทศแถบริมแปซิฟิกกว่า 20 ประเทศเข้าร่วม หลังจากนั้นไม่นาน แมตทิสยังขู่ปักกิ่งจะต้อง “เผชิญผลลัพธ์ร้ายแรงขึ้นในอนาคต” หากยังขืนเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้ไม่หยุด
หลายสัปดาห์ต่อมาในเวทีประชุมด้านความมั่นคง “แชงกรี-ลา ไดอะล็อก” ที่สิงคโปร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประณามจีนละเมิดผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆ ในทะเลจีนใต้ ด้วย “การข่มขู่และการบีบบังคับ”
ทางด้านจีนตอบโต้ว่า แมตทิสแสดงความคิดเห็นอย่างไร้ความรับผิดชอบและไม่สามารถยอมรับได้ เนื่องจากการติดตั้งอาวุธในทะเลจีนใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น พร้อมกับบอกว่าสหรัฐฯนั่นเองคือชาติที่มีฐานทัพมากที่สุดและมีการเคลื่อนไหวทางการทหารสูงที่สุดในภูมิภาคแถบนี้เวลานี้
แมตทิสเดินทางเยือนเอเชียมาแล้ว 7 ครั้งในระยะเวลา 17 เดือนที่รับตำแหน่งนายใหญ่เพนตากอน อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เคยเยือนจีนหรือพบกับ เว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกลาโหมแดนมังกร สำหรับในเที่ยวนี้หลังจากจีนแล้ว เขายังจะไปเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่อ
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯบอกว่า การหารือในปักกิ่งก็เพื่อรับรู้ยุทธศาสต์ระยะยาวของจีน และพิจารณาส่วนที่อาจร่วมมือกันได้ในทางทหาร แมตทิสยังยืนยันว่า จะหารือกับผู้นำจีนโดยไม่คาดคิดหรือคาดหวังล่วงหน้าใดๆ
ทว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของเพนตากอนกลับระบุว่า อเมริกาและจีนเป็น “คู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์” ซึ่งวอชิงตันต้องกดดันปักกิ่งต่อเรื่องการสร้างเสริมแสนยานุภาพในทะเลจีนใต้ และว่า การยกเลิกการเชิญร่วมปฏิบัติการริมแพคเป็นแค่ก้าวแรก
กระนั้น ด้วยการที่แมตทิสเปลี่ยนแนวจากการประณามจีนอย่างแข็งกร้าวมาเป็นการเน้นวิธีทางการทูตในเที่ยวนี้ ก็สะท้อนว่า คณะบริหารของสหรัฐฯ ยอมรับว่า จีนมีอิทธิพลสำคัญในการเจรจาเพื่อผลักดันให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการ “นุก” ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันหลายคนกล่าวตรงกันว่า ประเด็นหลักที่แมตทิสจะหารือกับฝ่ายจีนคือ การทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์และบทบาทของจีนในเรื่องนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กลาโหมอาวุโสคนหนึ่งของอเมริกาเผยว่า เร็วๆ นี้วอชิงตันจะเสนอกรอบเวลาต่อเกาหลีเหนือ พร้อมคำถามที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งจะทำให้รู้ได้ทันทีว่า เปียงยางจริงใจแค่ไหนกับคำสัญญาในการปลด “นุก” ที่ให้ไว้ในการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมาที่สิงคโปร์
ทางด้านปักกิ่ง เริ่น กั๋วเฉียง โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน แถลงว่า รัฐมนตรีเว่ยเป็นฝ่ายเชิญให้แมตทิสเดินทางเยือน เนื่องจากจีนและอเมริกามีผลประโยชน์ร่วมกันในการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารทวิภาคีที่มั่นคง
ภายหลังการเยือนปักกิ่ง แมตทิสจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพื่อหารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของทั้งสองประเทศ และเพื่อให้ความมั่นใจกับพันธมิตรเหล่านี้ว่า วอชิงตันยังคงมุ่งมั่นให้การปกป้องไม่เปลี่ยนแปลง แม้ทรัมป์ประกาศหลังซัมมิตกับคิมว่า อเมริกาจะระงับการซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกับเกาหลีใต้ก็ตาม