รอยเตอร์ – การขาดความคุ้มครองทางกฎหมายกำลังทำให้ผู้ลี้ภัยเด็กในกรุงเทพฯและกรุงจาการ์ตาตกอยู่ในความเสี่ยงสูงต่อการค้ามนุษย์และการเป็นแรงงานทาส กลุ่มนักรณรงค์ ระบุ
ผู้ลี้ภัยกว่า 20,000 คนอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของไทยและอินโดนีเซีย ในจำนวนนี้เป็นเด็กจำนวนมาก และสองประเทศนี้ไม่ได้ลงนามอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี 1951 (Refugee Convention) ที่กำหนดภาระผูกพันทางกฎหมายให้ต้องคุ้มครองผู้ลี้ภัย
นั่นหมายความว่าพวกเขาเสี่ยงต่อการถูกใช้ประโยชน์และการล่วงละเมิด และยังทำให้พวกเขาไม่กล้ารายงานความรุนแรงเพราะกลัวถูกส่งกลับประเทศ รัตติรส สุภาพร จาก Save the Children กล่าวก่อนการเผยแพร่รายงายในกรุงเทพฯ วันนี้ (23)
“ผู้ลี้ภัยมีความเสี่ยงตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะออกจากประเทศบ้านเกิดของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาสิ้นหวัง และมักพึ่งพาอาศัยนายหน้าที่อาจหลอกลวงพวกเขา” เธอกล่าว
“ความไม่ปลอดภัยของเขามีเพิ่มมากขึ้นในประเทศเจ้าบ้านซึ่งพวกเขามักไม่กล้าที่จะจากไป และมีความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวงหรือล่วงละเมิด พวกเขามักกลัวที่จะรายงานเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ” เธอกล่าว
รายงานของ Save the Children ออกมาในขณะที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับการกักกันผู้อพยพเด็กที่เข้าสู่สหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายพร้อมกับครอบครัวซึ่งกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย
รายงานระบุว่า ผู้ลี้ภัยเด็กส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯและจาการ์ตาไม่ได้เข้าโรงเรียน และมีจำนวนมากที่เจ็บป่วยและมีปัญหาสุขภาพจิต
ผู้ลี้ภัยในสองเมืองนี้ไม่สามารถทำงานอย่างถูกกฎหมายและสุดท้ายถูกส่งกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของพวกเขา ถูกกลืนเข้ากับท้องถิ่น หรือได้รับการตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สาม รายงานของ Save the Children ระบุ
อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่า ระดับการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัยกำลังลดน้อยลงทั่วโลก ซึ่งหมายความว่า หลายครอบครัวยังต้องอยู่ในอินโดนีเซียและไทยเป็นเวลานานขึ้นอีก ทำให้ความเสี่ยงของพวกเขามีเพิ่มมากขึ้น
“ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ขาดแคลนเงิน ดังนั้นเด็กๆ จึงมักถูกบีบให้ต้องทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย และนั่นก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการค้ามนุษย์และการใช้ประโยชน์ทางเพศ” รัตติรส บอกกับ Thomson Reuters Foundation
ข้อมูลที่หน่วยงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ บ่งชี้ว่า มีผู้ถูกบีบให้ต้องออกจากบ้านเกิดมากเป็นประวัติการณ์ถึง 68 ล้านคนทั่วโลก
เด็กๆ คิดเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวรวมถึงหลายคนที่อยู่ตัวคนเดียวหรือพลัดพรากจากครอบครัว เด็กๆ ชาวโรฮิงญาและเชื้อชาติอื่นที่อาศัยในค่ายผู้ลี้ภัยในไทยกำลังเสี่ยงถูกค้าขายเข้าสู่งานบริการทางเพศ กลุ่มนักเคลื่อนไหว ระบุ
ไทยรับปากว่าจะพัฒนาระบบคัดกรองผู้ลี้ภัยเพื่อต่อสู้กับการค้ามนุษย์ และจะช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงการศึกษา การบริการสุขภาพ และการจดทะเบียนการเกิดได้มากขึ้น ไทยยังสัญญาด้วยว่าจะยุติการกักกันผู้ลี้ภัยเด็ก
เมื่อปีที่แล้วประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซียลงนามกฤษฎีกาที่จะยอมรับผู้ลี้ภัยและให้สิทธิส่วนหนึ่งแก่พวกเขา