xs
xsm
sm
md
lg

In Pics : สุดช็อก! ทรัมป์เก็บ “ทารก-หนูน้อยวัยแพมเพิร์ส” ในศูนย์ทางใต้รัฐเทกซัส 3 จุด – ใกล้พรมแดนเม็กซิโก ผุดเตนท์ขาวเรียงรายใช้ขังเด็กโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอพี/เอเจนซีส์ /MGRออนไลน์ – ล่าสุดเอพีรายงานพิเศษ พบรัฐบาลสหรัฐฯใช้ศูนย์อย่างน้อย 3 แห่งทางใต้ของรัฐเทกซัสเป็นที่กักกันเด็กวัยทารกรวมไปถึงเด็กเล็กวัยสวมแพมเพิร์ส หลังจากได้พรากเด็กเหล่านั้นจากผู้เป็นพ่อและแม่บริเวณพรมแดนแล้ว พบยังมีแผนเตรียมเปิดจุดที่ 4 ใช้กักกันผู้อพยพเด็กจำนวนหลายร้อยคนในเมืองฮุสตัน ประชาชนสหรัฐฯสุดทน ผู้ประท้วงตะโกน “F..K You ท่านประธานาธิบดี” ระหว่างทรัมป์พบสมาชิกสภาคองเกรสพรรครีพับลิกันวันอังคาร(19 มิ.ย)เรื่องปฎิรูปการเข้าเมืองสหรัฐฯ สื่อทั่วอเมริการายงาน ติดพรมแดนเม็กซิโก พบเตนท์สีขาวขนาดใหญ่ตั้งเรียงรายใช้ขังเด็กโตท่ามกลางอุณหภูมิเข้าสู่ฤดูร้อนของอเมริกา

เอพีรายงานวันนี้(20 มิ.ย)ว่า บรรดาทนายความและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้รับอนุญาตเข้าไปยังศูนย์กักกัน รีโอ แกรนด์ แวลเลย์(Rio Grande Valley) ต่างกล่าวถึงสภาพด้านในของศูนย์ที่มีเด็กผู้อพยพในวัยเด็กเล็กอยู่ในขั้นเลวร้าย ซึ่งเอพีค้นพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้นโยบายความอดทนเป็นศูนย์ของทรัมป์ ได้ส่งเด็กวัยทารก เด็กเล็กวัยแพมเพิร์สที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ไปยังศูนย์อย่างน้อย 3 แห่งทางใต้ของรัฐเทกซัส หลังจากที่เด็กเหล่านั้นถูกนำออกมาจากบิดามารดาหลังถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมพรมแดนจับกุมตัวแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯจะไม่ใส่ใจต่อการวิจารณ์ และการรายงานตลอดทั้งวันของบรรดาสื่อหลายค่ายในอเมริกา ที่มีผู้จัดรายการอย่างน้อย 1 คนทางสถานีโทรทัศน์ MSNBC ได้แสดงความเห็นถึงนโยบายพรากลูกพรากพ่อแม่ของทรัมป์ว่า “รัฐบาลสหรัฐฯทำการจับกุมตัวทารกและเด็กเล็กที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้”

เอพีกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม พบว่าสหรัฐฯมีแผนที่จะเปิดศูนย์แห่งที่ 4 เพื่อกักกันผู้อพยพเด็กจำนวนหลายร้อยคนในเมืองฮุสตัน รัฐเทกซัส ส่งผลทำให้ผู้นำชุมชนเมืองฮุสตันออกมาคัดค้านในวันอังคาร(19)

เอพีรายงานว่า นโยบายการพรากเด็กจากพ่อแม่เริ่มต้นใช้มาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม พบว่ามีเด็กไม่ต่ำกว่า 2,300 คนแล้วได้ถูกแยกออกมาจากพ่อแม่ ที่มีบางส่วนถึงกับต้องใช้กำลัง ตรงบริเวณพรมแดนติดเม็กซิโก ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตต่อรัฐบาลสหรัฐฯที่ต้องดูแลผู้อพยพเด็กเหล่านั้น และต้องถูกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากสาธารณะหลังภาพเปิดเผยให้เห็นว่า ผู้อพยพเด็กถูกจับใส่กรงตาข่ายเหล็กคล้ายกับกรงเล้าไก่ในศูนย์ลงทะเบียนต่างด้าวในพื้นที่ของสำนักงานควบคุมพรมแดนอเมริกา

ทั้งนี้มีรายงานในวันอังคาร(19)ว่า สว. รัฐฟลอริดา.บิล เนลสัน(Bill Nelson) ถูกห้ามเข้าไปด้านในศูนย์กักกันผู้อพยพเด็กในรัฐฟลอริดา โดยพบว่าเนลสัน สว.สายพรรคเดโมแครต และสส.รัฐฟลอริดาสายพรรคเดโมแครต เด็บบี วาซเซอร์แมน ชูลต์ซ์( Debbie Wasserman Schultz) ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปด้านในเพื่อตรวจสภาพความเป็นอยู่ของผู้อพยพเด็กๆที่อาศัยอยู่ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราว (Homestead Temporary Shelter) ซึ่งมีเอกชนคือบริษัทบริการสุขภาพครบวงจร( Comprehensive Health Services) ซึ่งมีฐานอยู่ในรัฐฟลอริดาที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาลสหรัฐฯเป็นผู้จัดการ

เนลสันได้กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า เขาเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯกำลังพยายามปกปิดบางอย่างเพื่อประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมาชิกสภาคองเกรสไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในศูนย์พักพิง

โดยเอริค ฮาร์แกน(Eric Hargan )ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ HHS ได้แจ้งต่อเขาว่า ต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์จึงสามารถดำเนินการให้สว.เนลสันได้รับอนุญาตเข้าไป

เอพีกล่าวว่า ในเดือนที่ผ่านมารัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เอจี. เจฟ เซสชัน ได้ประกาศสิ่งที่น่าตกตะลึงว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินคดีทางกฎหมายกับ “ทุกคน” ที่ก้าวเท้าข้ามเส้นแบ่งพรมแดนจากเม็กซิโกเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งหมายความว่า ทารกวัยแบเบาะ และเด็กเล็กวัยสวมแพมเพิร์สจะถูกดำเนินคดีขึ้นศาลตามกระบวนการทางยุติธรรมไปด้วย และนำมาสู่ปฎิบัติการพรากลูกพรากพ่อแม่ของทรัมป์ในเวลาต่อมา

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เม็กซิกันได้เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ในการรายงานเมื่อวานนี้(19)ว่า มีกรณีเด็กเม็กซิกันวัย 10 ปีป่วยโรคดาวน์ซินโดรนถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯนำตัวออกมาจากแม่ของเด็กหลังจากข้ามพรมแดนผิดกฎหมายเข้าประเทศ ทั้งๆที่เด็กคนนี้มีพ่อเป็นผู้ถือกรีนการ์ดสหรัฐฯ อาศัยอยู่ห่างออกไป 1 ช.มบนถนนสายไฮเวย์

และถึงแม้องค์การสหประชาชาติ สมาชิกสภาคองเกรสจากทั้ง 2 พรรค กลุ่มองค์กรทางศาสนาจะออกมาประณามในนโยบายแยกครอบครัวของทรัมป์ว่า “ไร้มนุษยธรรม” ที่ในรายงานของ NBC NEWS ชี้ว่า บาทหลวงและสมาชิกโบสถ์ในนิกายยูไนเต็ดเมโธดิสต์(United Methodist) กว่า 600 คนได้ยื่นเรื่องฟ้องต่อรัฐมนตรีเซสชันส์ในนโยบายความอดทนเป็นศูนย์ที่ทำการพรากเด็กออกจากผู้ปกครองบริเวณพรมแดนทางใต้ติดเม็กซิโก แต่ทว่า สตีเวน วากเนอร์(Steven Wagner)เจ้าหน้าที่กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ HHS ออกมาโต้กับเอพีว่า

“ทางเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษในการดูแลเด็กที่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษและเด็กช่วงวัยรุ่นที่ทางเรานิยามว่าต้องมีอายุต่ำกว่า 13 ปี” และเสริมว่า “แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกเป็นพิเศษ และสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างผ่านการรับรองมาตรฐานของรัฐบาลสำหรับศูนย์ดูแลสวัสดิการเด็ก และมีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในความต้องการของเด็ก โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก”

*** แต่ในเวลานี้ เอพีชี้ว่า ไม่มีใครทราบว่า เด็กทารกและเด็กเล็กซึ่งเป็นผู้อพยพนั้นอยู่ที่ใด ***

โดยทางโฆษกหน่วยงาน เคนเนธ วูลฟ์( Kenneth Wolfe) แถลงว่า “ในทางทั่วไป ทางเราจะไม่มีการเปิดเผยถึงที่ตั้งของสถานที่เด็กต่างด้าวที่เดินทางเข้าสหรัฐฯตามลำพังอาศัย”

เอพีรายงานว่า ที่ตั้งศูนย์ผู้อพยพเด็ก 3 แห่งในคอมเบซ(Combes) เรย์มอนด์วิล( Raymondville) และบราวน์สวิล( Brownsville) ถูกปรับใช้ในการรองรับผู้อพยพเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ในขณะที่ศูนย์ผู้อพยพแห่งที่ 4 ที่มีแผนจะตั้งในโกดังแห่งหนึ่งนั้นคาดว่า จะถูกใช้รองรับเด็กได้มากถึง 240 คน ที่ในอดีตเคยเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยเฮอริเคนฮาร์วีย์

ซึ่งพบว่านายกเทศมนตรี ซิลเวสเตอร์ เทิร์นเนอร์(Sylvester Turner) ได้เข้าพับกับบริษัทโครงการเซาท์เวสต์ คีย์ ( Southwest Key Programs) ที่มีฐานอยู่ในเมืองออสติน รัฐเทกซัสในวันอังคาร(19) เพื่อร้องขอให้ทางบริษัทพิจารณาใหม่อีกครั้งถึงการตั้งศูนย์แห่งที่ 4 ในเมืองฮูสตัน

เอพีกล่าวว่า ทางกลุ่มนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้เดินทางเข้าไปด้านในศูนย์ผู้อพยพเด็กเล็กในทางใต้ของรัฐเทกซัส กล่าวว่า ภายในตัวศูนย์มีความสะอาดและปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่ทว่าสภาพเด็กๆที่อยู่ด้านในเหมือนฝันร้าย ร้องไห้และปฎิกริยาหลายอย่างออกมา เพราะไม่ทราบว่าพ่อแม่ของพวกเขาหรือเธออยู่ที่ไหน

ซึ่งหนึ่งในผู้ที่เข้าเดินทางไปตรวจด้านในคือ มาร์ชา กริฟฟิน (Marsha Griffin) กุมารแพทย์จากทางใต้ของรัฐเทกซัสกล่าวแสดงความเห็นกับเอพีว่า
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวศูนย์พักพิง แต่อยู่ที่การนำตัวเด็กออกมาจากพ่อแม่”

ทั้งนี้ในวันอังคาร(19) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปยัง เดอะแคปิตอลฮิล เพื่อพบกับสมาชิกสภาคองเกรสสายพรรครีพับลิกันถึงปัญหาการอพยพเข้าเมืองสหรัฐฯอ้างอิงการรายงานจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ

โดยในการเดินทางมายังสภาคองเกรส พบว่าผู้นำสหรัฐฯถูกผู้ประท้วงต่อต้าน โดยมีผู้ประท้วงรายหนึ่งซึ่งเป็นหญิงกล่าวกับทรัมป์ว่า “F..K You ท่านประธานาธิบดี”

สื่ออังกฤษชี้ว่า พบว่าทรัมป์ประกาศกับพวกรีพับลิกันว่า เขาสนับสนุน 1,000% ต่อแผนปฎิรูปการเข้าเมืองสหรัฐฯ ซึ่งในการปิดห้องประชุมกับสมาชิกสภาล่างพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้(19) แหล่งข่าวแสดงความเห็นว่า ผู้นำแสดงความกังวลต่อการแยกสมาชิกครอบครัวภายใต้นโยบายความอดทนเป็นศูนย์ ***แต่ทรัมป์ปฎิเสธที่จะรับปิดชอบจากผลของการปฎิบัติ*** แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯได้เรียกร้องให้สมาชิกพรรครีพับลิกันที่นั่งอยู่ในห้องนั้นผ่านร่างกฎหมายที่จะทำให้ครอบครัวผู้อพยพสามารถอยู่ร่วมกันได้

แหล่งข่าวชี้ว่า ผู้นำสหรัฐฯอ้างกับพรรครีพับลิกันว่า “อิวองกา ทรัมป์” บุตรสาวได้ร้องขอต่อเขาให้หยุดพรากสมาชิกครอบครัวบริเวณพรมแดน แค่กระนั้นแหล่งข่าวกล่าวว่า ไม่พบว่าทรัมป์จะแสดงทีท่าที่จะกลับนโยบายที่ออกมา และไม่ยอมรับรู้ว่า “ตัวเขาสามารถหยุดการพรากผู้อพยพเด็กได้โดยไม่ต้องพึ่งการผ่านร่างกฎหมายจากสภาคองเกรส”

และเมื่อวานนี้(19) สื่อแอตแลนติกของสหรัฐฯได้เปิดเผยภาพชุด ศูนย์กักกันผู้อพยพเด็กซึ่งบรรดาเด็กๆเหล่านี้อาศัยอยู่ภายในเตนต์สีขาวขนาดใหญ่ที่มีเตียงนอนแบบ 2 ชั้นตั้งเรียงด้านใน พบว่าศูนย์แห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองเอล พาโซ(El Paso) รัฐเทกซัส ออกไปราว 20 ไมล์ ใกล้พรมแดนเม็กซิโก ติดบริเวณด่านเข้าเมือง ทอร์นิลโล(Tornillo Port of Entry)

แอตแลนติกชี้ว่า ศูนย์ผู้อพยพแห่งนี้ถูกเลือกเป็นที่แรกสุดในการรับตัวการบ่าไหลเข้ามาของผู้อพยพแดนลาตินอเมริกา

อ้างอิงการรายงานจาก NBC NEWS พบว่า ภายในศูนย์เมืองเตนต์ มีเตียงทั้งหมด 450 เตียงในปัจจุบัน แต่พบว่ามีการสร้างส่วนขยาย ซึ่งในเวลานี้ยังไม่ปรากฎว่า มีจำนวนเด็กเท่าใดที่อาศัยอยู่ด้านใน แต่ภาพถ่ายที่เปิดเผยพบ ผู้อพยพเด็กที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กโตยืนต่อแถวเรียงหนึ่งเป็นแนวยาว ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนตามฤดูร้อนของสหรัฐฯที่มีการพยากรณ์ว่า อุณหภูมิในทอร์นิลโลจะสูงถึง 106 องศาฟาเรนไฮ หรือ 41 องศาเซลเซียส






















กำลังโหลดความคิดเห็น