รอยเตอร์ - สหรัฐฯ เปิดตัวสำนักงานผู้แทนประจำกรุงไทเปซึ่งเป็นเสมือนสถานทูตกลายๆ หลังปรับปรุงอาคารใหม่จนใหญ่โตโอ่อ่าด้วยงบประมาณถึง 256 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ วันนี้ (12 มิ.ย.) นับเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับเกาะปกครองตนเองซึ่งกำลังถูกจีนคุกคาม
แม้จะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกันไปตั้งแต่ปี 1979 แต่สหรัฐฯ ยังคงเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นซัพพลายเออร์อาวุธเพียงหนึ่งเดียวของไทเป ทั้งยังมีการเปิดสถาบันอเมริกันแห่งไต้หวัน (American Institute of Taiwan - AIT) เพื่อดูแลด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวัน แถลงว่า อาคาร AIT แห่งใหม่สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของวอชิงตันและไทเปที่จะรักษา “ความสัมพันธ์อันจำเป็นยิ่งยวด” เอาไว้
“ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ มั่นคงแน่นแฟ้นยิ่งกว่าที่เป็นมา เรื่องราวความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ของทั้งสองชาติยังต้องได้รับการเติมเต็มด้วยความพยายามของผู้ซึ่งจะเข้ามาปฏิบัติงาน ณ อาคารแห่งนี้ในวันข้างหน้า” ไช่ กล่าว
เธอย้ำว่าตราบใดที่สหรัฐฯ และไต้หวันยังยืนหยัดร่วมกัน ก็จะไม่มีอะไรมาแยกทั้งสองชาติจากกันได้
คิน มอย ผู้อำนวยการ AIT ระบุว่า อาคารหลังใหม่ซึ่งได้รับการต่อเติมจากอาคารขนาดเล็กที่ AIT ใช้งานมานานหลายสิบปีจะถูกยกสถานะเป็นสำนักงานผู้แทนของสหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้
สำหรับอาคาร AIT หลังใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 6.5 เฮกตาร์ (ราว 65,000 ตารางเมตร) ที่ย่านเน่ยหู (Neihu) ของกรุงไทเป ปัจจุบันมีพนักงานชาวอเมริกันและลูกจ้างท้องถิ่นเกือบ 500 คน ส่วนอีกสาขาซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเกาสงก็มีพนักงานมากกว่า 30 คน
พิธีเปิดอาคารหลังใหม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันและนักธุรกิจมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก รวมถึง มอร์ริส ชาง อดีตประธานบริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริง (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก
จีนถือว่าไต้หวันเป็นเสมือน “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” ภายใต้หลักจีนเดียว (One China) และไม่ปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหารดึง “มณฑลทรยศ” แห่งนี้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของแผ่นดินใหญ่ในอนาคต
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไต้หวันเริ่มทวีความตึงเครียดหนักตั้งแต่ ไช่ ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 โดยปักกิ่งเชื่อว่าผู้นำหญิงรายนี้มีแผนที่จะนำไต้หวันประกาศเอกราช ซึ่งคณะผู้นำจีนถือว่าเป็นการล้ำเส้น
หนังสือพิมพ์โกลบัลไทม์สซึ่งเป็นสื่อแท็บลอยด์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ลงบทบรรณาธิการวิจารณ์การเปิดอาคารสถาบัน AIT แห่งใหม่ลงในฉบับวันนี้ (12) โดยระบุว่าจีนจำเป็นต้องเตือนไต้หวันและสหรัฐฯ ให้หลีกเลี่ยงการกระทำยั่วยุ
“จีนแผ่นดินใหญ่จำเป็นต้องเสริมกำลังต่อต้านรัฐบาลไต้หวัน และประกาศให้พวกเขารู้ว่าสหรัฐฯ ก็ไม่อาจช่วยคุ้มกันได้”
รัฐบาลบูร์กินาฟาโซและสาธารณรัฐโดมินิกันเพิ่งประกาศเลิกคบไต้หวัน และหันไปสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแทน ทำให้เวลานี้เหลือเพียง 18 ประเทศที่ยังคงมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทเปอย่างเป็นทางการ ขณะที่บริษัทต่างชาติหลายรายก็แก้ไขข้อมูลในเว็บไซต์เพื่อระบุว่าไต้หวันเป็นเพียงดินแดนส่วนหนึ่งของจีน