เอเจนซีส์ – ล่าสุดประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้การประชุมซัมมิตะวันนี้(12 มิ.ย) เกิดขึ้นยอมรับว่า เขานอนไม่ค่อยหลับเมื่อคืนนี้ และควาดหวังความสำเร็จของการประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์และคิม จองอึนเพื่อนำไปสู่ศักราชใหม่แห่งการปลอดนิวคลียร์อย่างแท้จริงบนคาบสมุทรเกาหลีและสันติภาพ ส่วนเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ ประกาศญี่ปุ่นหวังเห็นสันติภาพและความสงบสุขเกิดขึ้น
หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สของสิงคโปร์รายงานวันนี้(12 มิ.ย)ว่า ผู้นำเกาหลีใต้ยอมรับว่า ตัวเขามีความตื่นเต้นในความคาดหวังถึงการประชุมซัมมิตระหว่างผู้นำสหรัฐฯและผู้นำเกาหลีเหนือที่ได้เริ่มเปิดฉากขึ้นในวันอังคาร(12) ที่สิงคโปร์จนทำให้ตัวเองนอนไม่ค่อยหลับในคืนที่ผ่านมา โดยในการแถลงในที่ประชุมคณะครม.เกาหลีใต้ช่วงเช้าวันนี้(12) เขาได้กล่าวว่า “การประชุมซัมมิตระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเวลานี้ ผมเชื่อว่าทุกความสนใจของประชาชนในเวลานี้จะไปอยู่ที่สิงคโปร์” มุนกล่าวหลังจากชมการถ่ายทอดสดการพบกันครั้งแรกระหว่างทรัมป์และคิมที่โรงแรมคาเพลลา(the Capella hotel) บนเกาะเซนโตซา สิงคโปร์
และกล่าวต่อว่า “ผมขอร่วมกับประชาชนในความคาดหวังอย่างตื่นเต้นต่อความสำเร็จสำหรับการซัมมิตที่จะนำมาสู่การปลอดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์และสันติภาพต่อพวกเราและผู้นำทางในยุคใหม่ท่ามกลาง 2 ชาติเกาหลีและสหรัฐอเมริกา” มุนแถลงอ้างอิงจากแถลงการณ์ที่ออกมาจากสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ทั้งนี้พบว่าในการประชุมซัมมิตที่เริ่มเปิดฉากได้สำเร็จนั้นเกิดมาจากการทำงานอย่างหนักของมุน ที่มักรับบทเป็นตัวกลางระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือเพื่อให้เข้าสู่โต๊ะเจรจา นอกจากนี้ยังพบว่ามุนยังมีความพยายามในการผลักดันในการประกาศปฎิญญาสันติภาพสำหรับสงครามเกาหลีเพื่อให้มีการลงนาม เพื่อถางทางนำไปสู่สันติภาพที่ถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี
สำนักข่าวยอนฮับ สื่อเกาหลีใต้ชี้ว่า มีการรักษาความปลอดภัยในการประชุมซัมมิตอย่างเข้มงวดด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 5,000 นายเพื่อควบคุมถนนเส้นสำคัญที่จะนำไปสู่สถานที่จัดการประชุม
ในขณะที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น โยชิฮิเดะ ซูงะ ออกแถลงการณ์ประกาศวันนี้(12)ว่า ทางญี่ปุ่นมีความคาดหวังเป็นอย่างมากว่า การประชุมซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯจะเป็นก้าวสำคัญที่นำมาสู่สันติภาพและความสงบสุขอย่างถาวรในภูมิภาคเอเชียตะวันออก
โดยในการแถลงข่าวของซูงะออกมา หลังจากการเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งระบุว่าสหรัฐฯและญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดทางด้านนโยบายเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือ ในขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาโร โคโน(Taro Kono) แถลงต่อนักข่าวในวันอังคาร(12)ว่า เขาจะเดินทางเยือนกรุงโซลเป็นเวลา 2 วันโดยเริ่มตั้งแต่วันพุธ(13) สำหรับการเจรจา 2 ฝ่ายและ 3 ฝ่ายร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯคนใหม่ ไมค์ พอมเพโอ และรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ คัง คยอง-ฮวา
สเตรทไทม์สรายงานว่า ในวันจันทร์(11) ก่อนประชุมซัมมิตพบว่าผู้นำสหรัฐฯได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ นานร่วมครึ่งชั่วโมง เกิดขึ้นหลังจากการพบปะหารือระดับทวิภาคีครั้งที่ 7 เมื่อ 4 วันก่อนหน้าที่ทำเนียบขาว ซึ่งทั้ง 2 ครั้งของการพูดคุยทรัมป์ได้ยืนยันรับปากกับอาเบะว่า เขาจะนำเรื่องพลเมืองญี่ปุ่นที่ถูกลักพาตัวเข้าหารือกับผู้นำเกาหลีเหนืออย่างแน่นอน
ชูงะ เลขาธิการครม.ญี่ปุ่นแถลงต่อวันอังคาร(12)ว่า “ทางเราหวังย่างแรงกล้าว่า การประชุมซัมมิตวันนี้จะเป็นโอกาสต่อความก้าวหน้าปัญหานิวเคลียร์และขีปนาวุธ และที่สำคัญต่อญี่ปุ่นคือ ปัญหาการลักพาตัว”
ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น อิตซูโนริ โอโนเดรา(Itsunori Onodera) กล่าวว่า เขาหวังว่าซัมมิตจะประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม ยังแสดงความกังวลในน้ำเสียงว่า “เมื่อคำนึงไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตในกรณีเกาหลีเหนือ ที่ถึวแม้จะมีสัญญาเกิดขึ้นภายในการประชุมซัมมิตสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ เราไม่ควรคลายความมุ่งมั่นจนกว่าเราจะเห็นถึงข้อพิสูจน์ที่ได้จากการปฏิบัติเสียก่อน”
ในขณะที่โคโนกล่าวว่า ประเด็นสำคัญของการประชุมซัมมิตครั้งนี้คือ เกาหลีเหนือจะสามารถรับปากได้มากเท่าใดที่จะนำไปสู่การปลอดอาวุธนิวเคลียร์และมิสไซล์ในทุกพิสัยของเกาหลีเหนืออย่างสมบูรณ์ที่สามารถพิสูจน์ได้
ทั้งนี้พบว่าในวันพฤหัสบดี(7) ก่อนหน้า ผู้นำญี่ปุ่นได้กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า ทางตัวเขาต้องการที่จะมีการหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน เช่นเดียวกัน สเตรทไทม์สรายงาน