xs
xsm
sm
md
lg

In Clips : CNN แฉ! ทรัมป์ขุดสงครามปี 1812 “อังกฤษบุกเผาทำเนียบขาว” ปิดปาก “ผู้นำแคนาดา” เรื่องขึ้นภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม ระหว่างคุยโทรศัพท์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานพิเศษ อ้างอิงแหล่งข่าวชี้ระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์วันที่ 25 พ.ค. ล่าสุดระหว่างทรัมป์และทรูโด พบผู้นำสหรัฐฯ อ้างสงครามปี 1812 ทำเนียบขาวถูกเผา ถามประธานาธิบดีจัสติน ทรูโด ต่อหน้า “ไม่ใช่พวกคุณหรือที่เผาทำเนียบขาว” ระหว่างการสนทนาปัญหาสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีศุลกากรเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมของแคนาดา หลังก่อนหน้าผู้นำฝรั่งเศสตอบนักข่าวเปรียบเปรยการสนทนากับทรัมป์ว่า “เป็นการดีกว่าที่จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในไส้กรอก”

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.) ว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยเป็นพิเศษกับ CNN ในการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีทรูโดเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา

ในการสนทนา ผู้นำแคนาดา จัสติน ทรูโด ได้ตั้งคำถามทรัมป์ว่า ผู้นำสหรัฐฯ ใช้เหตุผลใดที่เชื่อว่าภาษีศุลกากรนั้นเกี่ยวข้องกับความมั่นคงประเทศ ผลทำให้ผู้นำสหรัฐฯ ถามประธานาธิบดีแคนาดากลับมาว่า “ไม่ใช่พวกคุณหรือที่เผาทำเนียบขาว” โดยสื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ทรัทป์ได้โยงไปถึงสงครามปี 1812 ที่กองกำลังอังกฤษบุกมาเผาทำเนียบขาว ซึ่งนักประวัติศาสตร์ได้เคยชี้ว่าอังกฤษเข้าโจมตีวอชิงตันเพื่อตอบโต้ที่อเมริกันบุกไปโจมตียอร์ก (York) และออนทาริโอ (Ontario) อาณานิคมของอังกฤษในเวลานั้น และได้พัฒนากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศแคนาดาปัจจุบัน

และเมื่อทาง CNN ถามแหล่งข่าวใกล้ชิดกลับไปว่า สิ่งที่กล่าวมานี้เป็นแค่มุกตลกใช่หรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า “ในระดับหนึ่งอาจสามารถคิดว่าสิ่งที่กล่าวออกมาเป็นแค่การล้อเล่น แต่ทว่าผลกระทบต่อแคนาดา และต่อแรงงานในสหรัฐฯ ไม่ใช่สิ่งที่น่าหัวเราะ”

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ CNN ชี้ว่าไม่สามารถติดต่อได้

ด้านผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ลาร์รี คัดโลว์ (Larry Kudlow) ออกมายอมรับว่า เกิดความตึงเครียดระยะสั้นระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา แต่คัดโลว์ยังยืนยันว่าเขายังคงเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศยังคงอยู่ในระดับที่ดีมาก

“ผมไม่มีความสงสัยเลยว่า สหรัฐฯ และแคนาดายังคงความเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่ดีต่อกันอย่างแข็งแกร่งถึงแม้ว่าจะมีความตรึงเครียดในช่วงสั้นเกิดขึ้นก็ตาม”

ทั้งนี้ ในสงครามปี 1812 ที่วอชิงตันถูกเผา เป็นที่รู้กันดีว่าอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ ดอลลี แมดิสัน (Dolley Madison) ได้นำภาพวาดประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 1 จอร์จ วอชิงตัน ติดตัวออกไปในขณะที่ทำเนียบขาวถูกเผา และสามารถรักษาภาพวาดสมบัติชาติที่สำคัญของสหรัฐฯ ไว้ได้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้ว่า ประธานาธิบดีทรูโดของแคนาดาออกมาประณามทางสาธารณะในการที่ผู้นำสหรัฐฯ ใช้ข้ออ้าง “ความมั่นคงของชาติ” เพื่อขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมกับแคนาดาว่าไม่มีเหตุผล

“ความคิดที่ระบุว่า บางทีพวกเราอาจเป็นภัยคุกคามทางความมั่นคงนั้น อย่างจริงจังแล้ว ถือว่าเป็นการดูหมิ่นและเป็นสิ่งที่รับไม่ได้” ทรูโดกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการพบสื่อทางสถานีโทรทัศน์สหรัฐฯ MSNBC

ด้าน คริสเทีย ฟรีแลนด์ (Chrystia Freeland) รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNN ในรายการ สเตท ออฟ เดอะ เนชัน ถึงการเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ว่า “แค่อยากจะกล่าวว่าชาวแคนาดาทั้งหมดเป็นเพื่อนของชาวอเมริกัน และมีเป็นจำนวนมาก” พร้อมกับกล่าวย้ำว่า “นี่เอาจริงหรือ คุณเชื่อย่างจริงจังหรือว่าทั้งแคนาดา และทั้งพันธมิตรนาโตของคุณแสดงภัยคุกคามทางความมั่นคงต่อคุณ”

ทั้งนี้ อ้างอิงจากโฆษกของ ส.ว.บ็อบ คอร์เกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำสภาสูงสหรัฐฯ พบว่า ฟรีแลนด์ได้เข้าพบสว.คอร์เกอร์เพื่อแสดงความกังวลถึงปัญหาทางศุลกากรตามนโยบายรัฐบาลสหรัฐฯ

แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่แคนาดาได้ยืนยันกับ CNN ว่า ไม่กี่เดือนก่อนหน้า ผู้นำสหรัฐฯ เป็นผู้ให้คำมั่นกับทรูโดเองว่า แคนาดาจะได้รับการยกเว้นจากการถูกขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ซึ่งสื่อสหรัฐฯวิเคระห์ว่า ในเวลานี้เป็นที่เข้าใจว่า เจ้าหน้าที่แคนาดาจะพยายามที่หาทางทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความพึงพอใจเพื่อที่จะทำให้แคนาดาได้รับการยกเว้นทางภาษีอย่างถาวร เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนที่ประธานาธิบดีทรูโดจะเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมซัมมิต G7 ที่ควิเบก

โดยแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่แคนาดากล่าวย้ำกับ CNN ว่า “พวกเขาจะพยายามทำให้ทรัมป์มีความสุข” แต่เมื่อทางสื่อสหรัฐฯ สอบถามผู้ช่วยทรูโดกลับไปถึงคำกล่าวของทรัมป์ในเรื่อง “เผาทำเนียบขาว” ผู้ช่วยประธานาธิบดีแคนาดาปฎิเสธที่จะให้ความเห็น

ทั้งนี้ พบว่าไม่ใช่แค่กับผู้นำแคนาดาเท่านั้นที่มีปัญหาในการสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐฯ แต่ก่อนหน้ามีรายงานว่าประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศสมีปัญหาในระหว่างการพูดคุยกับทรัมป์ทางโทรศัพท์ระหว่างการหารือถึงเรื่องภาษีศุลกากรเช่นเดียวกัน

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานในวันพุธ (6) ว่า ประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครง ใช้การเปรียบเปรยไปถึง “ไส้กรอก” กับการสนทนาทางโทรศัพท์กับทรัมป์ โดยชี้ว่า การสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และผู้นำทั่วโลกนั้นเหมือนกับ “ไส้กรอก” เพราะเป็นการดีกว่าที่จะไม่อธิบายว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

“เหมือนอย่างที่บิสมาร์คเคยได้กล่าวไว้ หากเราอธิบายกับผู้คนถึงกรรมวิธีการทำไส้กรอก มันคงไม่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถกลืนลงได้” มาครงกล่าว อ้างอิงการรายงานจาก ดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษ

ทั้งนี้มาครงได้อ้างอิงไปถึงวาทะของรัฐบุรุษปรัสเซียในศตวรรษที่ 19 ออทโท ฟอน บิสมาร์ค(Otto Von Bismarck)

ซึ่งในช่วงระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อวันจันทร์(4) ผู้นำฝรั่งเศสถูกถามถึงการรายงานจาก CNN ที่ชี้ว่า การสนทนาระหว่างตัวเขาและประธานาธิบดีสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้วนั้น “แย่มาก”

ในรายงานของ CNN สื่อสหรัฐฯได้อ้างถึงคำพูดของแหล่งข่าวที่กล่าวว่า “มาครงคิดว่าเขาจะสามารถกล่าวออกจากความคิดของตัวเองได้บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ แต่ทว่าทรัมป์ไม่สามารถอดทนที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้นได้” โดย CNN รายงานว่า แหล่งข่าวกล่าวว่า “มันแย่ มันเลวร้าย”

ทั้งนี้ ผู้นำฝรั่งเศสแถลงว่า เขาจะแลกเปลี่ยนกับผู้นำสหรัฐฯอย่างตรงไปตรงมาและมีประโยชน์ในช่วงระหว่างการประชุมซัมมิต G7 ระหว่างวันที่ 7-8 นี้ ถึงประเด็นที่คนทั้งคู่เห็นร่วมและในประเด็นที่เห็นต่าง

สื่ออังกฤษรายงานว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีมาครงมีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐฯจำนวน 20 ครั้งซึ่งเป็นการสนทนาในภาษาอังกฤษโดยที่ไม่ต้องใช้ล่ามแปล








กำลังโหลดความคิดเห็น