เอเอฟพี - เกิดไฟไหม้ที่โรงแรมหรู “แมนดาริน โอเรียนเต็ล” ในกรุงลอนดอน ในวันพุธ (6 มิ.ย.) ส่งกลุ่มควันหนาทึบลอยพวงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่าร้อยคนเข้าควบคุมสถานการณ์
แขกและพนักงานอพยพออกจากโรงแรม 12 ชั้นแห่งนี้ และฝูงชนมารวมตัวกันยืนมุงดูอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 120 คน และรถดับเพลิง 20 คันพยายามเข้าควบคุมเพลิงที่โหมกระพืออยู่บนหลังคา
โรงแรม 5 ดาวแห่งนี้เพิ่งเสร็จสิ้นการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 115 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากดำเนินการซ่อมแซมมานานเกือบ 2 ปี
รายงานข่าวระบุว่า โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักทั้งหมดเกือบ 200 ห้อง ซึ่งอยู่ใกล้ห้างสรพสินค้าแฮร์รอดส์ ในเขตไนท์สบริดจ์ ย่านหรูกลางกรุงลอนดอน โดยเหตุเพลิงไหม้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดการสัญจรของถนนสายต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ
หน่วยดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ตอนเวลา 15.55 น.(ตรงกับเมืองไทย 21.55 น.) และคาดหมายว่าจะต้องทำงานกันอย่างหนักตลอดทั้งคืน “กลุ่มควันจากเปลวไฟขนาดใหญ่นี้สามารถมองเห็นได้ทั่วใจกลางลอนดอน” แพม โอปาเราชา ผู้จัดการสถานีดับเพลิงกล่าว
“หน่วยดับเพลิงทำงานกันอย่างหนักในความพยายามควบคุมเพลิง เจ้าหน้าที่บางส่วนสวมอุปกรณ์ช่วยหายใจเข้าค้นหาภายในอาคาร ทั้งนี้เมื่อควบคุมเพลิงได้แล้ว เจ้าหน้าที่สืบสวนจะเข้ามาสานงานต่อ ในการสรุปหาข้อเท็จจริงว่าไฟเริ่มขึ้นได้อย่างไร” โอปาเราชาระบุ
ด้านโฆษกของโรมแรงบอกว่าจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมทันทีที่สามารถให้ได้
อาคารเก่าแก่รูปทรงสมัยเอ็ดเวิร์ด เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 1902 ก่อนที่ แมนดาริน โอเรียนเต็ล จะซื้อมาไว้ในครอบครองในปี 1996
เพนโลป อีแวนส์ วัย 50 ปี รุดออกจากโรงแรมหลังสังเกตเห็นไฟไหม้ “ฉันเห็นควันดำลอยขึ้นไปบนฟ้า มันปกคลุมทุกสิ่งและกลิ่นของมันน่าสะอิดสะเอียน ตอนแรกเหมือนผู้คนตกอยู่ในความช็อก จากนั้นทุกคนก็เริ่มวิ่งหนีไปบนถนนออกนอกพื้นที่” พร้อมเผยว่าพบเห็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยืนออกันตรงบันไดหนีไฟด้านนอกอาคาร
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จากการสังเกตด้วยสายตาไม่พบความเสียหายบริเวณภายนอกของโรงแรมแต่อย่างใด
การขนส่งลอนดอนซึ่งบริหารงานระบบขนส่งมวลชนของเมืองหลวงแห่งนี้ ระบุว่าได้ทำการปิดทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินไนท์บริดจ์ ตามคำร้องขอของหน่วยฉุกเฉิน ขณะที่หน่วยฉุกเฉินลอนดอนเผยว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ทีมเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เกิดเหตุแล้ว “เรายังไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บให้รักษา แต่เรายังอยู่ในที่เกิดเหตุในมาตรการป้องกันไว้ก่อน”