เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(2 มิ.ย)ประชาชนชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเข้าร่วมงานศพอาสาสมัครกู้ภัยทางการแพทย์ฉุกเฉินหญิงวัย 21 ปี ราซาน นัจจาร์(Razan Najjar) ที่ถูกคมกระสุนจากกองกำลังทหารอิสราเอลยิงเสียชีวิตบริเวณพรมแดนกาซ่า-อิสราเอลวันศุกร์(1 มิ.ย)ในระหว่างที่จะช่วยชีวิตผู้ประท้วง สร้างความโกรธแค้นให้กับฝั่งปาเลสไตน์ ล่าสุดวันนี้(3 มิ.ย)กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ เครื่องบินทิ้งระเบิดเป้าหมายฐานกลุ่มติดอาวุธฮามาสในเขตกาซ่า ตอบโต้จรวด 2 ลูกถูกยิงเข้ามาจากฝั่งปาเลสไตน์ก่อนหน้า
เอเอฟพีรายงานวันนี้(3 มิ.ย)ว่า ความรุนแรงระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลได้ปะทุขึ้นอีกครั้งภายใน 24 ช.มนับตั้งแต่สงครามปี 2014 ได้ยุติลง เกิดขึ้นหลังจากประชาชนชาวปาเลสไตน์จำนวนมหาศาลเข้าร่วมงานศพนางฟ้าอาสากู้ภัยฉุกเฉินวัย 21 ปี ราซาน นัจจาร์(Razan Najjar) ที่ถูกกองกำลังอิสราเอลสังหารบริเวณพรมแดนทางทิศใต้ติดอิสราเอลในวันศุกร์(1)
DW สื่อเยอรมันรายงานว่า จุดเกิดเหตุเสียชีวิตอยู่บริเวณข่าน ยูนิส( Khan Yunis) ในขณะที่อาสาสมัครรายนี้พยายามที่จะเข้าให้การปฐมพยาบาลแก่กลุ่มผู้ประท้วง การเสียชีวิตของเธอสร้างความโกรธแค้นกับประชาชนชาวปาเลสไตน์เป็นอันมาก
ซึ่งภายในขบวนงานศพที่ถูกจัดขึ้นในวันเสาร์(2)คูซา(Khuza) ผู้เป็นบิดาได้ถือเสื้อแจ็กเกตกู้ภัยสีขาวเปื้อนเลือดของเธอร่วมชบวนไปกับรถพยาบาลฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ในชุดเครื่องแบบสีขาว
องค์กรช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินกาซ่า หน่วยงานบรรเทาทุกข์ทางการแพทย์สังคมกาซ่า PMRC (Palestinian Medical Relief Society)ที่นัจจาร์สังกัดแถลงว่า มีเจ้าหน้าที่ 3 คนถูกยิงทหารอิสราเอลยิงในวันศุกร์(1) และราซาน นัจจาร์ ถูกคมกระสุนระหว่างพยายามที่จะช่วยให้การปฐมพยาบาลแก่ผู้ประท้วงที่ได้รับบาดเจ็บ
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานว่า ในเหตุเสียชีวิตของนัจจาร์ พยานในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า นางฟ้ากู้ภัยกาซาร์ได้เข้าไปใกล้รั้วพรมแดนในวันศุกร์(1) ในขณะที่สวมเครื่องแบบสีขาวแสดงสัญลักษณ์ของหน่วยกู้ภัยทางการแพทย์ ในขณะที่ 2 มือชูขึ้นกลางอากาศในระยะ 100 หลาแสดงให้กองกำลัง IDF ของอิสราเอลว่า เธอไม่ได้มีความประสงค์ที่จะมุ่งร้าย
พยานกล่าวต่อว่า แต่กลับกลายเป็นว่า นัจจาร์ถูกทหารอิสราเอลใช้กระสุนจริงยิงเข้าบริเวณด้านหน้าอกของเธอ ซึ่งกระสุนนัดเดียวนี้ได้ทะละผ่านช่องเสื้อกั๊กกู้ภัยทางด้านหลังออกไป
สื่อกาตาร์ชี้ว่า นัจจาร์ต้องการเข้าไปนำตัวผู้ประท้วงที่บาดเจ็บซึ่งนอนบนพื้นใกล้รั้วออกไปจากที่เกิดเหตุหลังจากที่ผู้ประท้วงชายรายนี้สามารถตัดรั้วได้สำเร็จ ซึ่งการเสียชีวิตของเธอกลายเป็นเหยื่อผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์รายที่ 119 ที่ถูกกองกำลังอิสราเอลสังหาร
ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของนัจจาร์ที่มีชื่อสกุลเดียวกันแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ริดา นัจจาร์(Rida Najjar) วัย 29 ปีได้เปิดเผยกับอัลญะซีเราะฮ์วันเสาร์(2)ว่า ในช่วงเกิดเหตุเธอยืนอยู่ใกล้กับราซาน นัจจาร์
“ในขณะที่พวกเรากำลังจะเข้าไปยังรั้วเพื่อนำตัวบรรดาผู้ประท้วงออกไป กองกำลังอิสราเอลยิงแก๊สน้ำตาใส่พวกเรา” เพื่อนร่วมงานของนางฟ้ากู้ภัยกาซ่ากล่าว และเสริมว่า “และหลังจากนั้นมีมือสไนเปอร์ได้ยิงกระสุนนัดเดียว พุ่งเป้าหมายตรงไปที่ราซาน ในขณะที่เศษกระสุนทำให้เพื่อนร่วมงานของเราอีก 3 คนได้รับบาดเจ็บ”
ริดากล่าวว่า “ในตอนแรกราซานไม่ได้รู้สึกว่าเธอถูกยิง แต่หลังจากนั้นเธอร้องออกมาว่า “หลังของฉัน! หลังของฉัน!” และล้มลงกับพื้น” เธอยืนยันว่า “เครื่องแบบของพวกเรานั้นแสดงอย่างเด่นชัด เสื้อกั๊กของพวกเรา และกระเป๋ากู้ภัยของพวกเราแสดงให้รู้ว่าพวกเราคือใคร” และย้ำว่า “ไม่มีผู้ประท้วงอื่นอยู่ใกล้ มีแต่พวกเราเท่านั้น”
DW สื่อเยอรมันรายงานว่า ซึ่งในแถลงการณ์ของ PMRC ยังประณามอิสราเอลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “การมีเป้าหมายยิงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ถือเป็นอาชญากรรมสงครามภายใต้อนุสัญญาเจนีวา” และได้เรียกร้องไปยังนานาประเทศให้ออกมาตอบโต้อิสราเอลที่ละเมิดกฎหมายการบรรเทาทุกข์ของอิสราเอลในกาซ่าในทันที
ทั้งนี้พบว่า การปะทะยังคงเกิดขึ้นในวันเสาร์(2) ในขณะที่ประชาชนกาซ่าให้ข้อมูลว่า พบว่าเครื่องบินกองทัพอิสราเอลได้โจมตีฐานที่มั่นติดอาวุธ 2 จุดในเขตฉนวนกาซ่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่มีจรวดถูกยิงออกมาจากฝั่งกาซ่าเข้าไปยังฝั่งอิสราเอล
บีบีซี สื่ออังกฤษรายงานว่า กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ถึงการเสียชีวิตของอาสาสมัครกู้ภัยฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ถูกยิงเสียชีวิต โดยทางกองทัพชี้ว่า จะเข้ามาสอบสวน ในขณะที่ นิโคเลย์ มลาเดนอฟ(Nickolay Mladenov) ทูตพิเศษด้านตะวันออกกลางขององค์การสหประประชาชาติออกแถลงถึงการเสียชีวิตของนัจจาร์ว่า อิสราเอลจำเป็นต้องมีความแม่นยำในการใช้กำลัง และฮามาสจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดซ้ำบริเวณพรมแดน
ส่วนสำนักงานประสานงานด้านการบรรเทาทุกข์สหประชาชาติ OCHA แถลงว่า รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก และเรียกร้องให้มีการปกป้องเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่ทำงานเสี่ยงภัยภาคสนาม
เอเอฟพีรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้(3) กองทัพอิสราเอล IDF ออกแถลงการณ์ว่า ในการโจมตีทางอากาศระลอกแรกของอิสราเอล เครื่องบินรบได้ตั้งพิกัดโจมตีเป้าหมายทางก่อการร้ายจำนวน 10 จุดในแหล่งที่ตั้งทางการทหาร 3 แห่งขององค์กรก่อการร้ายฮามาสในเขตฉนวนกาซ่า
“ในจำนวนเป้าหมายทั้งหมด มี 2 แห่งเป็นโรงงานผลิตอาวุธกระสุนและคลังแสงเก็บอาวุธของกลุ่มฮามาส และที่ตั้งทางการทหาร” รายงานจากแถลงการณ์
และในแถลงการณ์ของกองทัพอิสราเอล IDF ยังกล่าวต่อว่า การโจมตีทางอากาศมีขึ้นเพื่อตอบโต้กับจรวดที่ถูกยิงเข้ามายังฝั่งอิสราเอล และรวมไปถึงความเคลื่อนไหวด้านก่อการร้ายต่างๆที่ได้รับอนุญาตและเป็นสิ่งที่ฮามาสองค์กรก่อการร้ายได้ทำขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ซึ่งพบว่ามีการยิงจรวดเข้าไปในฝั่งอิสราเอลจำนวน 2 ลูก
เอเอฟพีชี้ว่า IDF ยังได้แสดงรายละเอียดถึงความพยายามการก่อเหตุทำร้ายทหารอิสราเอลบริเวณรั้วกั้นแนวพรมแดน และการทำลายระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการทหาร รวมไปถึงความพยายามที่จะลอบวางเพลิงขึ้นภายในดินแดนอิสราเอลด้วยอุปกรณ์ว่าวและบอลลูน
และหลังจากที่แถลงการณ์ช่วงเช้าออกมา พบว่ากองทัพอิสราเอลยังได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับที่แยกออกมาต่างหาก กล่าวไปถึงเครื่องบินรบอิสราเอลประสบความสำเร็จในการทำลายเป้าหมายพิกัดทางก่อการร้าย 5 แห่งภายในที่ตั้งทางการทหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นของกองกำลังทางน้ำขององค์กรก่อการร้ายฮามาส ตั้งอยู่ทางเหนือของเขตฉนวนกาซ่า
เอเอฟพีรายงานว่า สำหรับงานศพของราซาน นัจจาร์นั้นมีการปะทะเล็กๆเกิดขึ้น โดยกลุ่มวัยรุ่นปาเลสไตน์ได้ใช้ก้อนหินปาเข้าทำร้ายต่อทหารอิสราเอล และพยายามที่จะฝ่าเพื่อไปให้ถึงรั้วกั้นพรมแดน ซึ่งในเวลาเดียวกันได้ผูกระเบิดติดไว้ที่แนวรั้ว หรือปาระเบิดแบบขว้างเข้าไป
นอกจากนี้ยังพบว่า ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยในเขตปิดล้อมบริเวณชายฝั่งได้ใช้อุปกรณ์ว่าวที่ผูกกระป๋องที่กำลังไหม้เพื่อพยายามที่จะทำให้พื้นที่อิสราเอลเกิดไฟไหม้ เผาพื้นที่รายทางการเกษตรที่กว้างขวางของอิสราเอลที่ตั้งอยู่ใกล้กับเขตกาซ่า
ซึ่งหลังจากพิธีศพของนัจจาร์ พบว่ามีชาวปาเลสไตน์จำนวนไม่มากนักได้รับบาดเจ็บจากการปะทะทางตะวันออกของเขตข่าน ยูนิส โฆษกกระทรวงสาธารณสุข อัชราฟ อัล-คูดรา(Ashraf al-Qudra) ให้ข้อมูล
