รอยเตอร์ – มาเลเซียกำลังต่อรองเงื่อนไขของข้อตกลงทางรถไฟมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์กับหุ้นส่วนจากจีน และสามารถลดหนี้สาธารณะได้ถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ด้วยการยกเลิกอภิมหาโครงการต่างๆ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระบุในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในวันนี้ (26)
มหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ปีที่ชนะ นาจิบ ราซัค ในการเลือกตั้งเมื่อต้นเดือน ให้ความสำคัญอันดับหนึ่งกับการตัดลดหนี้สินสาธารณะ และได้ประกาศทบทวนโครงการใหญ่ๆ ที่เห็นชอบโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว
การก่อสร้างเส้นทางรถไฟชายฝั่งตะวันออก (East Coast Rail Link) มูลค่า 13.8 หมื่นล้านดอลลาร์ โครงการใหญ่ที่สุดในประเทศนี้และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) ของปักกิ่ง เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว
โครงการดังกล่าวจะมีความยาว 688 กิโลเมตรเชื่อมทะเลจีนใต้ที่ชายแดนไทยในภาคตะวันออกกับเส้นทางเดินเรือของช่องแคบมะละกาในภาคตะวันตก
“เรากำลังเจรจาเงื่อนไขต่างๆ ใหม่” มหาเธร์ บอกกับหนังสือพิมพ์การเงิน The Edge “เงื่อนไขดังกล่าวกำลังทำให้เศรษฐกิจของเราเสียหายอย่างมาก”
โครงการนี้กำลังถูกสร้างโดยบริษัท China Communications Construction Co Ltd และกำลังใช้ทุนจากเงินกู้ของธนาคารไชน่าเอ็กซิม
มหาเธร์เริ่มด้วยการตั้งคำถามถึงความจำเป็นโครงการนี้ เขากล่าวว่า “เขา (นาจิบ) รู้ดีว่า ECRL ไม่ใช่สิ่งที่เราจ่ายไหว มันไม่ได้ตอบสนองต่อความต้องการใดๆ มันไม่ได้ให้ผลตอบแทนเราเลย”
เมื่อพูดถึงความจำเป็นที่จะต้องลดหนี้สาธารณะและหนี้สินต่างๆ ซึ่งรัฐบาลคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านริงกิตหรือ 80 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี มหาเธร์ กล่าวว่า “เราสามารถลดหนี้ลง 2 แสนล้านริงกิตได้เลยด้วยการยกเลิกโครงการทั้งหมดนี้”
มหาเธร์ กล่าวว่า มาเลเซียก็กำลังตรวจดูด้วยว่า เราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไรบ้างจากการยกเลิกข้อตกลงกับสิงคโปร์สำหรับทางรถไฟความเร็วสูง (เอชเอสอาร์) ที่จะเชื่อมกรุงกัวลาลัมเปอร์กับนครรัฐแห่งดังกล่าว
โครงการดังกล่าวซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินมูลค่าไว้ที่ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ กำลังอยู่ระหว่างการประมูลและมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2026
“เงื่อนไขของข้อตกลง (สำหรับเอชเอสอาร์) คือหากเราตัดสินใจยกเลิกโครงการ เราจะต้องการเสียเงินจำนวนมาก” มหาเธร์ กล่าว
“ดังนั้นเราจึงกำลังตรวจดูว่าเราจะสามารถลดจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายเพื่อยกเลิกข้อตกลงได้อย่างไรบ้าง”