เอเอฟพี - มอสโกในวันพฤหัสบดี(24พ.ค.) ปฏฺิเสธรายงานการสืบสวนของคณะสืบสวนนานาชาติที่พบว่าขีปนาวุธรัสเซียเป็นอาวุธที่สอยเที่ยวบิน MH17 ตกในยูเครนเมื่อปี 2014 ยืนยันอาวุธดังกล่าวไม่เคยข้ามชายแดนรัสเซีย-ยูเครนและกล่าวโทษเคียฟต่อโศกนาฏกรรมครั้งนั้น
"ไม่มีระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของสหพันธรัฐรัสเซียแม้แต่ชิ้นเดียวที่เคยข้ามชายแดนรัสเซีย-ยูเครน" กระรวงกลาโหมรัสเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนท้องถิ่น
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวหายูเครนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมดังกล่าว ซึ่งคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือยกลำ 298 ศพ โดยบอกว่าพวกเขามีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ากองทหารยูเครนมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ขีปนาวุธบัค(ออกแบบโดยโซเวียต)"
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน คณะสืบสวนนานาชาติที่นำโดยเนเธอร์แลนด์ ระบุเป็นครั้งแรกว่าขีปนาวุธที่ยิงเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบิน MH17 ตกทางภาคตะวันออกของยูเครน มาจากกองทหารกองหนึ่งของรัสเซีย
คณะสืบสวน "ได้ข้อสรุปว่าขีปนาวุธ BUK-TELAR ที่สอย MH17 มาจากกองพันขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานที่ 53 ในเมืองคุร์สค์ของรัสเซีย" วิลเบิร์ต พอลลิสเซน เจ้าหน้าที่สืบสวนระดับสูงชาวเนเธอร์แลนด์ กล่าว พร้อมบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่มารวมตัวรับฟังการแถลงข่าวด้วยว่า "กองพันที่ 53 เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพรัสเซีย"
เครื่องบินโบอิ้ง 777 ถูกยิงระเบิดกลางอากาศเหนือภาคตะวันออกของยูเครน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ปี 2014 ขณะบินจากอัมสเตอร์ดัมไปกรุงกัวลาลัมเปอร์
ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 298 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ เสียชีวิตในหายนะครั้งนั้น แต่มีผู้โดยสาร 17 คนที่เป็นชาวออสเตรเลีย ชาวอังกฤษ ชาวมาเลเซีย และชาวอินโดนีเซีย
ยูเครนและพันธมิตรตะวันตกกล่าวโทษมานานว่ารัสเซียยกพลและขนอาวุธข้ามชายแดนเพื่อกระพือเปลวไฟแห่งความขัดแย้ง แต่มอสโกปฏิเสธคำกล่าวหา แม้มีหลักฐานอย่างหนาแน่นว่าพวกเขาเกี่ยวข้องในการสู้รบและให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่พวกกบฏอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้คณะสืบสวนเคยสรุปว่าเครื่องบินถูกสอยร่วงโดยขีปนาวุธบัคที่ถูกนำมาจากรัสเซียและยิงจากดินแดนในยูเครนซึงอยู่ภายใต้การยึดครองของพวกกบฏที่รัสเซียให้การหนุนหลัง แต่พวกเขาไม่ได้พาดพิงอย่างตรงๆว่าใครเป็นคนลั่นไก
อย่างไรก็ตามในข้อสรุปล่าสุด ทางคณะสืบสวนได้ใช้วิดีโอและภาพถ่ายต่างๆนานา ย้อนรอยเส้นทางที่ขบวนรถขีปนาวุธใช้เดินทางจากเมืองคูสค์ไปยังชายแดนเข้าสู่ยูเครน
