xs
xsm
sm
md
lg

ค่ายรถผวา!! “ทรัมป์” สั่งตรวจสอบ “รถยนต์นำเข้า” จ่อรีดภาษีสูงลิ่วซ้ำรอย “เหล็กกล้า-อะลูมิเนียม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ - สหรัฐฯ เริ่มดำเนินการตรวจสอบรถยนต์และรถบรรทุกนำเข้าว่ามีส่วนกระทบต่อความมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าจะนำไปสู่มาตรการขึ้นภาษีเหมือนกรณีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือน มี.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ แถลงเมื่อวันพุธ (23 พ.ค.) ว่า กระบวนการสอบสวนซึ่งอาศัยมาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act ปี 1992 จะมุ่งตรวจสอบว่าการสูญเสียภาคการผลิตในประเทศนั้นมีส่วนทำให้ “เศรษฐกิจภายใน” สหรัฐฯ อ่อนแอลงหรือไม่ และส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาระบบยานยนต์เชื่อมต่อ ยานยนต์อัตโนมัติ เซลล์เชื้อเพลิง มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี รวมไปถึงกระบวนการผลิตขั้นสูงหรือไม่อย่างไร

“มีหลักฐานบ่งชี้ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศของเราถูกกัดเซาะจากการนำเข้ารถยนต์ต่างประเทศในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา” วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง พร้อมสัญญาว่าทางกระทรวงจะดำเนินการตรวจสอบ “อย่างถี่ถ้วน เป็นธรรม และโปร่งใส”

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้มีคำแถลงอีกฉบับจากทำเนียบขาวว่าตนได้ “สั่ง” ให้ รอสส์ พิจารณาเปิดการสอบสวนดังกล่าว

“อุตสาหกรรมซึ่งเป็นแกนหลักอย่างยานยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นับว่ามีส่วนอย่างยิ่งต่อความเข้มแข็งของประเทศ” ทรัมป์ ระบุ

มาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อบรรดาค่ายรถในเอเชียทั้งโตโยต้า, นิสสัน, ฮอนด้า และ ฮุนได ซึ่งล้วนแต่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่

ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ประกาศจะจับตาท่าทีของสหรัฐฯ ต่อไป โดยในส่วนของจีนซึ่งหวังที่จะส่งออกรถยนต์ไปตีตลาดอเมริกันเพิ่มขึ้นยืนยันว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างเต็มที่

“จีนไม่เห็นด้วยกับการนำกฎหมายมั่นคงของชาติมาใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะบั่นทอนระบบการค้าพหุภาคีและระเบียบการค้าสากล” เกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุในงานแถลงข่าววันนี้ (24) ซึ่งให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับแนวทางแก้ไขข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

“เราจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดระหว่างที่สหรัฐฯ กำลังสอบสวน และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงปกป้องผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของเรา”

ทรัมป์ พยายามเอาอกเอาใจฐานเสียงในย่านอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ ก่อนจะถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมในเดือน พ.ย. รวมถึงเปิดแนวรบใหม่สำหรับนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) โดยหวังที่จะดึงตำแหน่งงานภาคการผลิตที่สหรัฐฯ สูญเสียให้ต่างชาติกลับคืนมา

มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติมีต้นทุนที่สูงขึ้นในการส่งออกยานพาหนะและชิ้นส่วนไปขายในสหรัฐอเมริกา

ข้อพิพาทการค้ากำลังกลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับบริษัทอเมริกันที่จะขยายธุรกิจในแดนมังกร เห็นได้ชัดจากการที่รถยนต์นำเข้า ฟอร์ด และสินค้าอเมริกันอีกหลายชนิดถูกทางการจีนสั่งกักเอาไว้ท่าที่เรือเพื่อรอการตรวจสอบ

รถญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ถูกผลิตในอเมริกา ทว่าหลายบริษัทก็ยังส่งออกรถยนต์ที่ผลิตในเอเชีย เม็กซิโก แคนาดา และประเทศอื่นๆ เข้าไปจำหน่ายในสหรัฐฯ ด้วย

ยานพาหนะราว 1 ใน 3 ที่ถูกนำเข้าสหรัฐฯ ในปีที่แล้วมาจากทวีปเอเชีย

นอกจากจะเก็บภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมนำเข้า 25% และ 10% ตามลำดับแล้ว รัฐบาลทรัมป์ยังขู่จะรีดภาษีเอากับสินค้าจีนที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ รวมมูลค่าถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ด้วย โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญา

เจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์คนหนึ่งให้ข้อมูลว่า คำสั่งสอบสวนครั้งนี้ยังมุ่งกดดันให้แคนาดาและเม็กซิโกยอมประนีประนอมปรับแก้เงื่อนไขข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตยานยนต์ย้ายโรงงานผลิตกลับมาสู่สหรัฐฯ รวมถึงกดดันญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งส่งออกรถยนต์มายังอเมริกาเป็นจำนวนมากด้วย

จากสถิติของทางการสหรัฐฯ พบว่า ปีที่แล้วมีรถยนต์และรถบรรทุกที่ผลิตในสหรัฐอเมริการาว 12 ล้านคัน และมีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศอีก 8.3 ล้านคันซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 192,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้แบ่งออกเป็นรถยนต์ที่ผลิตในเม็กซิโก 2.4 ล้านคัน, แคนาดา 1.8 ล้านคัน, ญี่ปุ่น 1.7 ล้านคัน, เกาหลีใต้ 930,000 คัน และเยอรมนี 500,000 คัน

ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็สามารถส่งออกรถยนต์ไปขายต่างประเทศได้เกือบ 2 ล้านคัน รวมมูลค่า 57,000 ล้านดอลลาร์


กำลังโหลดความคิดเห็น