เอเจนซีส์ – ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงอดีตนายกรัฐมนตรีแดนเสือเหลือง นาจิบ ราซัค รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน มหาเธร์ โมฮัมหมัด คนที่ทำให้ชีวิตและครอบครัวเหมือนกับตกนรก รวมไปถึงช่อมะกอกเสรีภาพที่ได้รับจนออกจากเรือนจำได้สำเร็จในสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดวันเสาร์ (19 พ.ค.) อันวาร์ได้พบกับเพื่อนเก่า นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ว่า อันวาร์ อิบราฮิม ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อดิออฟเซิร์ฟเวอร์จากบ้านพักของตัวเองในกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย หลังจากที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ โดยผู้นำฝ่ายค้านแดนเสือเหลืองได้แสดงความเห็นไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ด้วยอาการสงบและเยือกเย็น
ดิออฟเซิร์ฟเวอร์ชี้ว่า ในเวลานี้อันวาร์เหมือนอยู่ในระหว่างขาขึ้นจากเสรีภาพที่เพิ่งได้รับจากการได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์มาเลเซียด้วยเหตุผล “ความยุติธรรมที่ถูกทำให้ถูกยุติระหว่างทาง” และจากผลการเลือกตั้งทั่วไปมาเลเซียล่าสุดที่ส่งให้ศัตรูทางการเมือง อดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ตกจากอำนาจ ซึ่งมาเลเซียในเวลานี้อยู่ในช่วงบรรยากาศพร้อมการปฎิรูปตามนโยบายอันวาร์เฝ้าใฝ่หาตลอดมา การเลือกตั้งล่าสุดที่มีทั้งผสมผสานไปกับอดีตศัตรูที่กลับมาเป็นมิตร เช่น มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่เคยไล่เขาออกจากตำแหน่งจนทำให้ครอบครัวของเขาต้องอยู่ในความยากลำบาก การทรยศ และการตกอำนาจของรัฐบาลอำนาจนิยมแดนเสือเหลือง
สื่ออังกฤษชี้ว่า อันวาร์ได้แสดงความเห็นไปถึงนาจิบว่า “ผมไม่เคยสนับสนุนเขา ผมมีความเห็นที่ต่อต้านเขาอย่างรุนแรง และดูเหมือนว่าเขาจะอาฆาตเป็นการส่วนตัวกลับมาในเวลานั้น ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องการจัดการผมอย่างสิ้นซาก”
ซึ่งอันวาร์กล่าวไปถึงการที่เขาต้องถูกลงโทษเป็นครั้งที่ 2 จากคดีความประพฤติผิดทางรักร่วมเพศซึ่งเป็นฝีมือของนาจิบ ราซัค ในปี 2015 ส่วนครั้งแรกที่มีการไต่สวนเกิดขึ้นจากฝีมือของ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งส่งผลเลวร้ายต่อตัวอดีตรองนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ที่ถูกไล่ออก และยังมีครอบครัวลูกยังเล็กในเวลานั้น เพราะเขาถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 15 ปี ยังไม่รวมไปถึงกระบวนการไต่ส่วนที่มีเป้าหมายเพื่อให้ขายหน้า ด้วยการแสดงผ้าปูที่นอนที่เปื้อนคราบอสุจิ
โดยในครั้งแรกอันวาร์ใช้ชีวิตในเรือนจำเป็นเวลา 6 ปี โดนขังเดี่ยว และถูกปฎิเสธการเข้าเยี่ยมจากครอบครัวก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในปี 2004
ซึ่งการเปิดใจกับดิออฟเซิร์ฟเวอร์ อันวาร์ในวัย 70 ปีในปัจจุบัน กล่าวถึงการถูกส่งเข้าเรือนจำครั้งที่ 2 เมื่อปี 2015 ในข้อหาเดียวกันว่า “มันไม่ง่ายเลย ในการที่จะอยู่ในเรือนจำ และได้รู้ว่า หากการเลือกตั้งในปี 2013 นั้นยุติธรรมและโปร่งใส เราคงชนะและผมคงไม่ต้องอยู่ในเรือนจำ”
ทั้งนี้พบว่าในการเลือกตั้งครั้งนั้น อันวาร์ อิบราฮิม ได้เข้าร่วมกลุ่มกับฝ่ายค้าน และได้ก่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคPKR ซึ่งในการเลือกตั้งปี 2013 ที่ฝ่ายนาจิบ ราซัค ผู้นำพรรคอัมโนมีชัย และตัวเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่กลับพบว่า อันวาร์ชนะในส่วนคะแนนป็อปปูลาร์โหวต เดอะดาร์เดียนรายงาน
ในการให้สัมภาษณ์ อันวาร์ยอมรับว่า เขารู้สึกโกรธแค้นต่อระบบ แต่กล่าวว่า “หากว่าคุณต้องอยู่ในคุกเป็นเวลานาน โดยเฉพาะหลังหลายปีผ่านไป คุณจะไม่มีความรู้สึกขมขื่นมากนัก ผมไม่ได้เสแสร้งว่าเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคนที่ให้โอกาสผู้อื่น แต่เป็นความสัจจริงที่ผมไม่รู้สึกขมขื่น เพราะในตอนท้ายคุณได้บทสรุปสำหรับชีวิต และยอมรับต่อฉากละครที่กำลังจะเปิดเผยออกมาให้เห็น”
สื่ออังกฤษชี้ว่า ความขมขื่นใจของอันวาร์ที่เริ่มต้นในปี 1998 เมื่อเขาถูกมหาเธร์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผู้เรืองอำนาจไล่ออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ***เขาถูกสั่งให้ย้ายออกจากบ้านพักข้าราชการทันที แต่เมื่ออันวาร์ร้องขอเวลาอีก 2 -3 วันออกไปเพราะมีลูกยังเล็ก แต่กลับพบว่า มหาเธร์ ออกคำสั่งให้ตัดน้ำตัดไฟบ้านหลังนั้น***
อันวาร์กล่าวถึงมหาเธร์ในขณะที่ยืนอยู่ด้านนอกศาลในปี 1999 หลังจากที่ถูกสั่งฟ้องข้อหาประพฤติผิดทางเพศต่อเพศเดียวกัน อันวาร์ อิบราฮิม กล่าวประณามผู้นำมาเลเซียในขณะนั้นว่า “พวกขี้ขลาดที่ไม่เคยแสวงหาความรับผิดชอบในการกระทำอันชั่วร้ายของตัวเอง” และ “ความกระหายในอำนาจของมหาเธร์ไม่เคยสิ้นสุด”
และเพื่อตอบแทนอันวาร์ ซึ่งหลังจากที่อดีตรองนายกฯรายนี้ถูกส่งเข้ารับโทษในเรือนจำแล้ว นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ทำให้แน่ใจว่า ***อันวาร์จะไม่ได้รับการเข้าเยี่ยมจากครอบครัวของตัวเองเด็ดขาด*** และเมื่อถึงแม้อันวาร์เดินออกมาพ้นคุกในปี 2004 มหาเธร์ยังตามราวีไม่เลิก โดยกล่าวในปี 2005 ว่า “ขอให้คิดถึงนายกรัฐมนตรีที่เป็นพวกชอบรักร่วมเพศ จะไม่มีใครปลอดภัยอีกต่อไป” เป็นที่น่าเสียดายว่าอันวาร์ไม่ประสบความสำเร็จในการฟ้องร้องมหาเธร์ในเรื่องนี้
ในการเปิดเผยกับดิออฟเซิร์ฟเวอร์ เขาเล่าที่มาถึงการออกมาพ้นคุกของตัวเองว่า เขารู้สึกผิดปกติเป็นอย่างมากในเดือนมกราคมต้นปีนี้ที่อดีตศัตรูตัวฉกาจ “มหาเธร์ โมฮัมหมัด” ได้เดินทางไปเยี่ยมเขาด้วยตนเองภายในเรือนจำ เพื่อต้องการคืนดี และหว่านล้อมให้ยอมเป็นพันธมิตรทางการเมือง
โดยอันวาร์กล่าวยอมรับว่า “มันเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับผม และในตอนแรกสุดผมได้กล่าวกับมหาเธร์ว่า “ทำไมผมต้องการที่จะทำอะไรร่วมกับคุณอีกต่อไป ผมจะยอมให้อภัยคุณก็ได้แต่ขอลา..แค่นี้”
และกล่าวต่อว่า “เมื่อพวกเราได้เริ่มพูดจาหารือ และรู้ถึงชายที่ผมรู้จักว่าเขาเป็นพวกที่มีความมั่นใจในตัวเอง เต็มไปด้วยความรุ่มหลงตัวเองในช่วงหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆได้เดินทางมาเข้าเยี่ยมผม ศัตรูของเขาที่อยู่ในเรือนจำนั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาหมดทางแล้วจริงๆ หรือเขาเริ่มถูกนำให้ช้าลง และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้”
อย่างไรก็ตามอันวาร์ยอมรับว่าไม่ง่ายนักที่ทางครอบครัวจะทำใจได้ถึงการที่เขากลับมาจัยมือกับมหาเธร์อีกครั้ง โดยเฉพาะกับบุตรของเขาซึ่งแทบไม่เคยได้ใช้เวลาร่วมกันเมื่อครั้งที่คนเหล่านั้นยังอยู่ในวัยเยาว์ และชี้ว่า “พวกเขาไม่เห็นด้วยกับผม และกล่าวกับผมว่า ผมไม่ควรทำข้อตกลงกับมหาเธร์ โดยกล่าวว่า “ผมปวดร้าว ทุกคนปวดร้าว เป็นเพราะชายผู้นี้” ”
สื่ออังกฤษชี้ว่า ถึงแม้ผู้นำมาเลเซียคนปัจจุบันยังไม่เคยกล่าวขอโทษอันวาร์อย่างจริงจัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากล่าวยอมรับต่อหน้าอดีตรองนายกรัฐมนตรีของตัวเองคือ เขาไม่ควรที่จะไล่อันวาร์ออกในเวลานั้น
เดอะการ์เดียนชี้ว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อันวาร์จะเข้าทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกรัฐสภามาเลเซีย แต่เขาจะไม่ร่วมอยู่ในคณะครม.ชุดใหม่ของมหาเธร์ ซึ่งมีสัญญาณความรู้สึกของอันวาร์บอกให้ตัวเขาทำตัวให้ออกห่างจากรัฐบาลมาเลเซียที่อยู่ภายใต้การบริหารของมหาเธร์ แต่ทว่าภรรยาของเขา วาน อาซิซาห์(Wan Azizah) ในเวลานี้ทำหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี สื่ออังกฤษชี้ว่า เธอจะดำรงตำแหน่งด้วยสายตาที่ระแวดระวังต่อมหาเธร์
ในการให้สัมภาษณ์ชี้ว่า ตัวอันวาร์ อิบราฮิมซึ่งอยู่ในวัน 70 ปี ยังคงตั้งความหวังที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีแดนเสือเหลืองอยู่ และได้ตั้งเป้าหมายว่าต้องการทำให้สำเร็จภายใน 2 ปี โดยทางอันวาร์กล่าวอย่างเปิดใจว่า ตัวเขาและครอบครัวได้จ่ายในราคาแพง ซึ่งอาจเป็นราคาแพงเกินไปสำหรับแนวความคิดการปฎิรูปมาเลเซียของเขา และต้องการผลักดันให้ถูกใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้
ซึ่งในตอนท้ายการให้สัมภาษณ์ อันวาร์ได้ฝากข้อความไปยังอดีตนายกฯนาจิบ ที่ในเวลานี้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากในคดีความคอร์รัปชันว่า “ขอให้จ้างทนายความมือดี” พร้อมยิ้มและกล่าวต่อว่า “และพยายามแสดงความเสียใจ”
ด้านสื่มาเลเซีย สตาร์ออนไลน์ รายงานวันเสาร์(19 พ.ค)ว่า นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง เดินทางเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่สำนักงานดร.มหาเธร์ ตั้งอยู่ในมูลนิธิสถาบันเพื่อความเป็นผู้นำเปอร์ดานา( the Perdana Leadership Foundation) เมื่อเวลา 11.00 น. ของวานนี้(19)
ซึ่งสื่อเสือเหลืองชี้ว่า ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยในประเด็นหารือ แต่คาดว่าโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูงระหว่าง 2 ชาติจะอยู่ในหัวข้อสนทนา
และมีรายงานว่า นอกเหนือจากมหาเธร์แล้ว พบว่าผู้นำสิงคโปร์ได้เข้าเยี่ยมอันวาร์ อิบราฮิม และภรรยาซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยทางฝ่ายลี เ.ซียนลุงเรียกการเข้าพบในวันเสาร์(19)ว่า "เป็นการเยี่ยมเพื่อนเก่า"
ยาฮูนิวส์ สิงคโปร์รายงานว่า ที่ปรึกษาพรรค PKR อันวาร์ อิบราฮิม ได้แสดงความเห็นถึงการเข้าเยี่ยมอย่างไม่เป็นทางการของลี เซียนลุงว่า "เป็นการพบปะกันระหว่างเพื่อนเก่า" ซึ่งสื่อยาฮูนิวส์ชี้ว่า คนทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยที่อันวาร์เคยนั่งทำงานในตำแหน่งรองนายกฯให้กับมหาเธร์ในเวลานั้น
"ถือเป็นความยินดีเป็นอย่างมากที่สามารถพบกับเขาได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เราต่างเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่าง 2 ชาติเหมือนอย่างที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำ และคาดหวังว่าจะสามารถพัฒนาให้ไปได้ไกลกว่าจุดนั้น"
และกล่าวว่า "นอกเหนือจากนั้น เป็นการพบปะระหว่างเพื่อนเก่าที่ไม่เคยได้มีโอกาสพบปะในช่วงเวลาหนึ่ง"
ในขณะที่ภรรยาอันวาร์ย้ำว่า "ทางเราหวังว่าจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น"