เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - อันวาร์ อิบรอฮิม นักการเมืองคนสำคัญของมาเลเซียที่เพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษกลับคืนสู่อิสรภาพ กล่าวแสดงความคาดหมายในวันพฤหัสบดี (17 พ.ค.) ว่า นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งพ้นตำแหน่งหมาดๆ คงจะต้องติดคุกจากคดีทุจริตคอร์รัปชั่นอื้อฉาวมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในกองทุน 1 เอ็มดีบี ขณะในอีกด้านหนึ่ง ตำรวจแดนเสือเหลืองได้บุกค้นสถานที่ 5 แห่งที่เชื่อมโยงกับนาจิบ ตั้งแต่คืนวันพุธจนรุ่งเช้าวันพฤหัสฯ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเหล่านี้
อมาร์ ซิงห์ ผู้บัญชาการตำรวจฝ่ายสืบสวนอาชญากรรมทางธุรกิจของมาเลเซีย แถลงในวันพฤหัสบดี (17) ว่า ตำรวจเข้าตรวจค้นสถานที่ 5 แห่งที่เชื่อมโยงกับนาจิบ ซึ่งรวมถึงบ้านพักของครอบครัวของเขาที่ตั้งอยู่ในย่านคนรวยในกัวลาลัมเปอร์ ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ สตาร์รายงานว่า สถานที่อื่นๆ ที่ถูกตรวจค้นคือคอนโดมิเนียมหรูของนาจิบ สำนักนายกรัฐมนตรี และบ้านพักประจำตำแหน่ง
รายงานข่าวระบุว่า การตรวจค้นบ้านของนาจิบยังคงดำเนินอยู่ในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี หลังเวลาผ่านไปเกือบ 12 ชั่วโมงนับจากตำรวจติดอาวุธชุดแรกกว่า 10 นายเดินทางไปถึงเมื่อคืนวันพุธ โดยตำรวจเริ่มตรวจค้นหลังจากนาจิบกลับจากสวดมนตร์ที่มัสยิดเนื่องในวันแรกของเทศกาลรอมฎอน
ทางด้าน ฮาร์ปาล ซิงห์ เกรวัล ทนายความของนาจิบ แถลงว่า การตรวจค้นเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดี 1 เอ็มดีบี แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ และตำรวจยึดของส่วนตัว เช่น กระเป๋าถือและเสื้อผ้าแบรนด์ดังราว 2-3 กล่องไป และสำทับว่า นาจิบและครอบครัวให้ความร่วมมือโดยดี และยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ ว่า จะมีการตั้งข้อหากับใคร เขาบอกด้วยว่าเรื่องนี้เป็นการตามรังควานกัน
แนวร่วมแห่งชาติ หรือ บีเอ็น ซึ่งมีพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ของนาจิบเป็แกนกลาง และได้ปกครองมาเลเซียต่อเนื่องเรื่อยมาหลายสิบปี กลับประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา มหาเธร์ โมฮาหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 92 ปีซึ่งกลายมาเป็นผู้นำของพันธมิตรฝ่ายค้านได้คราวนี้ ได้สาบานตัวขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ออกคำสั่งห้ามนาจิบและภรรยา รอสมาห์ แมนซอร์ เดินทางออกนอกประเทศ
มหาเธร์ยืนยันว่า มีหลักฐานเพียงพอในการสอบสวนคดีฉาว 1เอ็มดีบี ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่นาจิบก่อตั้ง และนาจิบถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินมหาศาลจากกองทุนแห่งนี้ โดยที่เรื่องฉาวโฉ่นี้เองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แนวร่วมแห่งชาติของเขาแพ้การเลือกตั้งยับเยิน
อันวาร์ซึ่งเพิ่งได้รับอิสรภาพในวันพุธ ได้ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีในวันพฤหัสบดี โดยกล่าวว่า มาถึงตอนนี้ นาจิบจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ทางกฎหมาย “อันสาหัสยากเข็ญ” โดยไม่มีหน่วยงานระดับสูงใดๆ คอยให้การปกป้องช่วยเหลือ
นักการเมืองที่คาดหมายกันว่าจะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากมหาเธร์ ทำนายว่า นาจิบน่าจะต้องเข้าครอบครองที่ว่างในเรือนจำซึ่งตัวอันวาร์เองเพิ่งผละจากมา “เขาจะต้องถูกตั้งข้อหาอย่างแน่นอน” อันวาร์บอก
อันวาร์ซึ่งเวลานี้อายุ 70 ปี ไม่ขอแสดงความเห็นว่าคดีของนาจิบจะออกมาอย่างไร โดยกล่าวว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า “เขาจะสามารถป้องกันตัวเองในศาลได้แค่ไหน”
แต่อันวาร์ก็เสริมด้วยว่า “มันจะเป็นเรื่องยากมากๆ สำหรับเขาที่จะหนีพ้นจาก (การติด) คุก”
ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน หนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน ในออสเตรเลีย ได้ตีพิมพ์เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของอันวาร์ ซึ่งระบุว่า รัฐบาลมาเลเซียยังควรที่จะรื้อฟื้นคดีสังหารโหด อัลตันตุยา ชารีบู นางแบบสาวชาวมองโกเลีย และนำตัว ซิรุล อัสฮาร์ อูมาร์ อดีตตำรวจที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจากคดีนี้ แต่หลบหนีไปและปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ที่ออสเตรเลีย กลับมาสอบสวนใหม่
ทั้งนี้ ซิรุลเคยให้การว่า ได้รับคำสั่งจาก “บุคคลสำคัญ” ให้สังหารอัลตันตุยา ในปี 2006
นางแบบสาวชาวมองโกเลียผู้นี้มีสัมพันธ์สวาทกับอับดุล ราซัค บากินดา อดีตคนสนิทของนาจิบที่ถูกกล่าวหาว่า รับเงินใต้โต๊ะจากการสั่งซื้อเรือดำน้ำจากดีซีเอ็นเอสของฝรั่งเศสในปี 2002
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนาจิบกล่าวหามานานแล้วว่า ซิรุล และอาซิลาห์ ฮาดรี สมาชิกหน่วยอารักขาผู้นำ เป็นแพะรับบาปในคดีนี้ เพื่อปกปิดผู้ร้ายตัวจริงซึ่งเป็นบุคคลระดับสูงสุดในรัฐบาลสมัยนั้น
ก่อนหน้านี้ซิรุลเคยขู่เปิดโปงผู้สั่งการ ตามรายงานนั้นเขาถูกควบคุมตัวในออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2015 ทว่า ทางแคนเบอร์ราไม่เคยยืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
รายงานในหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า จะมีการพิจารณาคำขอวีซ่าผู้ลี้ภัยของซิรุลในอีกไม่กี่เดือนนี้
หนังสือพิมพ์ของอังกฤษฉบับนี้ยังรายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียอนุญาตให้เจ้าหน้าที่และคนกลางเข้าเยี่ยมซิรุลหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงตัวแทนจากปีกยุวชนของพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
แหล่งข่าวคนหนึ่งเผยว่า ผู้เยี่ยมเยือนจากมาเลเซียนำสาส์นไปแจ้งกับซิรุลว่า “อย่าแพร่งพรายใดๆ”
คดีนี้เป็นหนึ่งในประเด็นอ่อนไหวที่สุดของมาเลเซีย และมีการร่ำลือนานหลายปีว่า อัลตันตุยาถูกฆ่าปิดปากด้วยการยิงและทำลายศพด้วยระเบิดเกรดที่ใช้ทางการทหาร ที่นอกกัวลาลัมเปอร์ เพราะล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับดีลจัดซื้อเรือดำน้ำ
นาจิบนั้นปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับข้อกล่าวหาว่า ดีซีเอ็นเอสจ่าย “ค่าคอมมิชชั่น” 142 ล้านดอลลาร์สำหรับการจัดซื้อเรือดำน้ำสกอร์ปีน 2 ลำ ขณะที่ซิรุลและอาซิลาห์ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปี 2009 จากความผิดในการฆาตกรรมอัลตันตุยา แต่ทั้งคู่ได้รับการปล่อยตัวในปี 2013 หลังจากศาลอุทธรณ์แสดงความเคลือบแคลงกับวิธีพิจารณาคดีครั้งแรก ทว่า สองปีต่อมา ศาลสูงสุดยืนตามคำตัดสินประหารชีวิต แต่ซิรุลหนีออกนอกประเทศก่อนที่จะมีคำตัดสิน
อันวาร์ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินคดีที่ผ่านมา รวมถึงคำตัดสินและความลังเลของผู้พิพากษาในการเบิกตัวพยานที่เกี่ยวข้องเข้าข่ายไม่เคารพกฎหมาย จึงควรมีการรื้อฟื้นคดีมาทำใหม่ทั้งหมด
อันวาร์นั้นเป็นผู้นำสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านที่โค่นรัฐบาลนาจิบ และยังเป็นผู้นำของพรรคที่ครองเสียงมากที่สุดในสภาขณะนี้ โดยมหาเธร์รับปากว่า ภายใน 1-2 ปี จะลาออกและส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้อันวาร์
ระหว่างการให้สัมภาษณ์เอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดี อันวาร์บอกว่า ขอเวลาอีกสักสองสามเดือนเ เขาจึงจะกลับเข้าสู่สภา ซึ่งคาดว่าหมายถึงการลงเลือกตั้งซ่อมเพื่อให้ได้เป็น ส.ส. จากนั้นจึงจะมีบทบาททางการเมืองได้อย่างเต็มที่
อันวาร์ยอมรับว่า เขามีความสัมพันธ์แบบ “ขึ้นๆ ลงๆ” กับมหาเธร์ แต่เสริมว่าเวลานี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไป “อย่างจริงใจมาก อย่างเป็นมิตรมาก” พร้อมกับแสดงท่าทีว่าเขาจะปล่อยให้มหาเธร์ทำหน้าที่รับผิดชอบบริหารประเทศไปก่อนในขณะนี้
“ผมบอกกับมหาเธร์ว่า เขาควรรู้สึกสบายใจที่จะบริหารจัดการกิจการของประเทศนี้ต่อไป ผมจะสนับสนุนเขา” เขาบอก แต่ก็เสริมว่า เขาจะ “แสดงความคิดเห็นของผมอย่างแข็งแรง” หากเขารู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
