เอเจนซีส์ - ผู้นำการปฏิรูป อันวาร์ อิบราฮิม ประกาศเฉลิมฉลอง “รุ่งอรุณใหม่” สำหรับมาเลเซีย หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันพุธ (16 พ.ค.) และแปรสภาพจากนักโทษการเมืองเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากพันธมิตรฝ่ายค้านคว่ำพรรคร่วมรัฐบาลในการเลือกตั้งกลางสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี เจ้าตัวเผยไม่รีบร้อนรับตำแหน่ง และยืนยันไม่คิดแค้นเคืองมหาเธร์ โมฮาหมัด อีกต่อไป
อันวาร์ วัย 70 ปี ถูกตัดสินจำคุกจากข้อหารักร่วมเพศในปี 2015 ซึ่งทั้งตัวเขาและผู้สนับสนุนยืนยันว่า เป็นการป้ายสีทางการเมืองเพื่อสกัดกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้าน เขาจะครบกำหนดรับโทษในวันที่ 8 เดือนหน้า ทว่า ชัยชนะเกินความคาดหมายของกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งทำให้การครองอำนาจของแนวร่วมแห่งชาติที่นำโดยพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ของนาจิบ ราซัค ที่ยาวนานต่อเนื่องมาถึง 60 ปีเป็นอันสิ้นสุดลง จึงนำมาซึ่งการขอพระราชทานอภัยโทษเพื่อปล่อยตัวอันวาร์ก่อนกำหนด
อันวาร์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวภายหลังกลับมาที่บ้านพักว่า นี่คือรุ่งอรุณใหม่สำหรับมาเลเซีย และเขามีความซาบซึ้งใจกับชาวมาเลเซียทุกเชื้อชาติศาสนาที่ยืนหยัดรักษาหลักการประชาธิปไตยและเสรีภาพ
เขายังบอกว่า ผลการเลือกตั้งคือเสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง และให้มีรัฐบาลซึ่งรับผิดชอบในการตอบสนองความต้องการของประชาชน
ช่วงเช้าวันพุธ อันวาร์เดินทางออกจากโรงพยาบาลที่เขาเข้าพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดหัวไหล่ และมุ่งหน้าไปยังพระราชวังโดยมีนายกรัฐมนตรีมหาเธร์รอต้อนรับ ในเวลาต่อมา สำนักพระราชวังแถลงว่า สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียโปรดเกล้าฯพระราชทานอภัยโทษแก่อันวาร์ตามคำแนะนำของคณะกรรมการอภัยโทษเนื่องจากเชื่อได้ว่าคดีนี้มีการตัดสินผิดพลาด
ทั้งนี้ มหาเธร์ วัย 92 ปี เป็นประธานกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้าน ทว่า พรรคพีเพิลส์ จัสติซ ปาร์ตี้ (พีเคอาร์) ของอันวาร์เป็นพรรคที่ครองเสียงมากที่สุดในสภา และขณะนี้ วัน อาซิซาห์ วัน อิสมาอิล ภรรยาของอันวาร์ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
อันวาร์พยายามคลายกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่อาจปะทุขึ้นในกลุ่มพันธมิตร โดยบอกว่า เขาไม่รีบร้อนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนมหาเธร์ และยังไม่อยากรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี เนื่องจากต้องการใช้เวลากับครอบครัวและเดินทางไปต่างประเทศเพื่อบรรยายตามที่ได้รับเชิญ
อันวาร์ ยังจะต้องลงสมัครในการเลือกตั้งซ่อมเพื่อให้ได้รับเลือกเข้าสู่สภา จากนั้นจึงจะมีบทบาททางการเมืองโดยตรงได้ เขาประกาศในวันพุธ ย้ำการสนับสนุนตำแหน่งผู้นำของมหาเธร์อย่างเต็มที่ และสำทับว่า ความอาฆาตแค้นทางการเมืองระหว่างตนกับมหาเธร์ถูกฝังกลบไปแล้ว
เขาสำทับว่า มหาเธร์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงน้ำใจ ความเสียสละและการต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ และยังหันมาสนับสนุนวาระการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งผลักดันให้มีการอภัยโทษตน
อันวาร์ยังแจกแจงว่า การที่สมาชิกพรรคของเขาเกิดโต้เถียงก่อนหน้านี้กับมหาเธร์ ในเรื่องการแต่งตั้ง 3 ตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีเป็นแค่ความขัดแย้งในกระบวนการปรึกษาหารือ และว่า มหาเธร์มีอำนาจพิเศษในการจัดตั้งรัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15) มหาเธร์ ที่เคยนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีนานถึง 22 ปีจนถึงปี 2003 ให้สัมภาษณ์ว่า จะบริหารประเทศ 1-2 ปีเพื่อแก้ไขปัญหาการเงินของมาเลเซียก่อนส่งมอบตำแหน่งให้อันวาร์
อันวาร์ยังบอกว่า ไม่คิดพยาบาทอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบที่กลั่นแกล้งให้ตนเองต้องติดคุกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ยืนยันว่า นาจิบต้องตอบคำถามให้กระจ่างเกี่ยวกับคดีคอร์รัปชันอื้อฉาวที่นำมาซึ่งความพ่ายแพ้ของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ
การจองจำอันวาร์ในปี 2015 ถือเป็นการจำคุกครั้งที่ 2 โดยนักต่อสู้เพื่อการปฏิรูปผู้นี้เคยเป็นสมาชิกโดดเด่นในพรรคอัมโนและถือเป็นทายาทการเมืองของมหาเธร์ แต่แล้วอันวาร์ได้ถูกตัดสินจำคุกครั้งแรกในข้อหามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและทุจริต หลังมีข่าวการแย่งชิงอำนาจกับมหาเธร์ในปี 1998 ซึ่งเขาและเหล่าผู้สนับสนุนยืนยันว่า เป็นการกลั่นแกล้งความพยายามทำลายอนาคตทางการเมือง
แต่แทนที่จะยอมแพ้ อันวาร์กลับต่อสู้จากภายในห้องขังเพื่อจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านโดยการยุติการบาดหมางนาน 2 ทศวรรษกับมหาเธร์ ซึ่งถือเป็นเดิมพันที่คุ้มค่าอย่างยิ่งเมื่อกลุ่มพันธมิตรนี้พลิกล็อกชนะการเลือกตั้งในวันที่ 9 ที่ผ่านมา
ราชาอัด อาลี นักวิเคราะห์จาก เอส. ราชารัตนัม สกูล ออฟ อินเตอร์เนชันแนล สตัดดีส์ในสิงคโปร์ ชี้ว่า คนมาเลเซียขณะนี้หวังว่า อันวาร์และมหาเธร์จะค้นพบวิธีในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในช่วงการผ่องถ่ายอำนาจ และว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่ทั้งคู่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อประโยชน์สุขของชาติ และแม้บุคลิกลักษณะแตกต่างกันอย่างมาก แต่สมาชิกกลุ่มพันธมิตรและความคาดหวังของประชาชนจะทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลการร่วมมือของอันวาร์และมหาเธร์
ปีเตอร์ มัมฟอร์ด จากยูเรเซีย กรุ๊ป สำทับว่า ถ้ามหาเธร์ลังเลและถ่วงเวลาในการส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้อันวาร์ อาจมีสถานการณ์อื่นๆ สอดแทรกขึ้นมา
สำหรับภารกิจเร่งด่วนของมหาเธร์ขณะนี้ยังรวมถึงการสอบสวนคดีฉ้อฉลในกองทุนวัน มาเลเซีย ดิเวลอปเมนต์ เบอร์ฮาด (1เอ็มดีบี) ซึ่งเป็นกองทุนของรัฐบาลที่นาจิบก่อตั้งขึ้น
หลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มหาเธร์ปลดอัยการสูงสุดและเจ้าหน้าที่ในสำนักงานปราบปรามการทุจริตหลายคน ซึ่งดูเหมือนเป็นการกวาดล้างเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ชิดกับนาจิบ
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซียยังสั่งห้ามนาจิบและภรรยา เดินทางออกนอกประเทศระหว่างการสอบสวน ขณะที่นาจิบยังคงยืนยันว่าตนเองไม่ได้กระทำผิดใดๆ