เอเจนซีส์ - บริษัทก่อสร้างที่มีรัฐบาลปักกิ่งเป็นเจ้าของ ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงเมกะโปรเจกต์สร้างสวนสนุกในอินโดนีเซีย ที่มีโรงแรมทรัมป์และสนามกอล์ฟ 18 หลุมควบคู่อยู่ภายใน เงื่อนเวลาเกิดขึ้นกระชั้นชิดก่อนหน้าตัวแทนจีนเดินทางมาวอชิงตัวเพื่อคุยหารือทางการค้าระหว่างประเทศ
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.) ว่า บริษัทร่วมค้าอินโดนีเซีย เดอะ เอ็มเอนซี กรุ๊ป (the MNC Group) แถลงยืนยันวันอังคาร (15) ว่า ทางบริษัทบรรลุข้อตกลงกับบริษัทที่อยู่ในเครือของบริษัทเมทัลลัวร์จิคอล คอร์ปอเรชัน (Metallurgical Corporation) อ้างอิงเอพี ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างที่มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ เพื่อสร้างสวนสนุกแห่งใหม่
เอพีชี้ว่า สวนสนุกแห่งนี้จะถูกก่อสร้างขึ้นในเขตการพัฒนาเมืองลิโด (Lido) นอกกรุงจากาตาร์ ซึ่งเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจะก่อสร้างได้ทำสัญญาการพัฒนาเมื่อ 3 ปีก่อนหน้า
โปรเจกต์จะรวมไปถึงโรงแรมทรัมป์ วิลลาหรูราว 400 แห่ง คอนโดมิเนียม และสนามกอล์ฟ 18 หลุม
แต่ถึงแม้ว่าการเข้ามาข้องเกี่ยวโปรเจกต์ขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเกิดขึ้นก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 แต่ทว่าวอชิงตันโพสต์ชี้ว่า เงื่อนเวลานั้นชวนน่าสงสัย เป็นเพราะในเวลานี้เป็นที่รู้กันดีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นย่ำแย่ ซึ่งในวันอังคาร (15) ตัวแทนทางการค้าระดับสูงของปักกิ่ง หลิ่ว อี้ (Liu He) มีกำหนดเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ ชี้ว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือโครงการทางสายไหมใหม่ของประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง
ทั้งนี้ พบว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อินโดนีเซีย เดอะ เอ็มเอนซี กรุ๊ป นั้นมีเศรษฐีพันล้าน Hary Tanoesoedibjo เป็นเจ้าของซึ่งได้ร่วมงานพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของผู้นำสหรัฐฯเมื่อวันที่ 20 ม.ค 2017
โดยทั้งสวนสนุกรวมไปถึงโรงแรมทรัมป์และสนามกอล์ฟ 18 หลุมถูกพัฒนาโดย Hary Tanoesoedibjo เอพีชี้ว่า แถลงการณ์ของเดอะ เอ็มเอนซี กรุ๊ปยืนยันว่า บริษัททรัมป์ ออร์แกไนเซชัน(Trump Organization) ซึ่งเป็นบริษัทส่วนตัวของผู้นำสหรัฐฯ “ไม่มีความเชื่อมโยง” กับสวนสนุกที่บริษัทก่อสร้างของรัฐบาลจีนกำลังจะก่อสร้าง
และในการแถลงยังระบุว่า การรายงานข่าวที่อ้างว่าปักกิ่งร่วมสนับสนุนโดยให้เงินกู้ยืมจำนวน 500 ล้านดอลลาร์ บริษัทอินโดนีเซียชี้ว่า “ไม่เป็นความจริง”
นอกจากนี้ในแถลงการณ์ยังกล่าวว่า ทางเดอะ เอ็มเอนซี กรุ๊ป จะใช้บริษัทก่อสร้างอื่นในการทำการก่อสร้างทรัมป์รีสอร์ตที่เมืองลิโด และทรัมป์รีสอร์ตแห่งที่ 2 และสนามกอล์ฟบนเกาะบาหลี วอชิงตันโพสต์รายงาน
ตัวแทน เดอะ เอ็มเอนซี กรุ๊ป ชี้แจงว่า ทางกลุ่มทุนมีแหล่งการเงินของตัวเองในการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โปรเจกต์นี้
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ***ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานแสดงว่าข้อตกลงร่วมกับบริษัทก่อสร้างรัฐบาลจีนนั้นมีความตั้งใจเพื่อโน้มน้าวรัฐบาลสหรัฐฯของทรัมป์ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง***
และอีกทั้งยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่า “บริษัท ทรัมป์ ออแกไนเซชัน” หรือ ”ประธานาธิบดีทรัมป์”มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้บริษัทจีนมีบทบาทในโปรเจกต์สร้างสวนสนุกอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม เอพีชี้ว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นซึ่งมีชื่อโรงแรมทรัมป์เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เกิดคำถามถึงความเชื่อมโยงระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการลงทุน ซึ่งพบว่าในวันอาทิตย์ (13) ทรัมป์ได้ทวีตเรียกร้องให้บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จีน ZTE กลับไปดำเนินการตามทางธุรกิจให้เร็วที่สุด พัมีตำแหน่งงานในจีนจำนวนมากที่ต้องเสียไป ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ทางเอพีชี้ว่า ถอยหลังออกมาจากนโยบายหาเสียง “อเมริกาต้องมาก่อน” ของผู้นำสหรัฐฯ อย่างช่วยไม่ได้
เอพีรายงานว่า นอกจากนี้ยังพบว่าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวออกมาปัดถึงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทของผู้นำสหรัฐฯ และโปรเจกต์สวนสนุกอินโดนีเซีย ซึ่งบรรดานักวิจารณ์ต่างออกมาวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงเกี่ยวข้องกับบริษัทส่วนตัวของตัวเองต่อไปถึงแม้จะทำหน้าที่บริหารประเทศแล้วก็ตาม
วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ในการยื่นฟ้องทางกฎหมายจากนักการเมืองสายพรรคเดโมแครตและคนอื่นๆได้กล่าวหาว่า ทรัมป์ละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญภายใต้ “emoluments clauses” ที่ระบุห้ามประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากการรับผลประโยชน์ทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ แต่ทว่าทั้งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และทีมกฎหมายของทรัมป์ต่างกล่าวว่าคำฟ้องนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ ลิโดรีสอร์ตที่กำลังจะถูกสร้างห่างจากกรุงจาการ์ตาไปทางใต้ราว 50 ไมล์ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โปรเจกต์ในอินโดนีเซียที่ทางบริษัท ทรัมป์ ออแกไนเซชันได้ลงนามร่วมกับ Hary Tanoesoedibjo ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอินโดนีเซียในปี 2014 วอชิงตันโพสต์ชี้ว่า เศรษฐีพันล้านรายนี้ต้องการให้แบรนด์โรงแรมทรัมป์เป็นตัวเพิ่มมูลค่าให้กับโปรเจกต์การพัฒนาอสังหาริมทรัพทย์ของเขา
ซึ่งโรงแรมหรู 2 แห่ง และสนามกอล์ฟจะถูกใช้ชื่อภายใต้แบรนด์ทรัมป์ และจะถูกบริหารจัดการโดยบริษัทของทรัมป์