เอเอฟพี – การถูกละเลยทอดทิ้งเพราะอคติทางเพศเป็นสาเหตุให้เด็กหญิงที่อายุต่ำกว่า 5 ปีในอินเดียเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 240,000 คน ผลการศึกษาล่าสุดเผยวันนี้ (15 พ.ค.)
งานวิจัยที่เผยแพร่ลงวารสารการแพทย์แลนเซ็ตพบว่า ตัวเลขดังกล่าวสูงยิ่งกว่าจำนวนทารกหญิงอินเดียที่ถูกมารดาทำแท้ง
“การเลือกปฏิบัติทางเพศต่อเด็กหญิงไม่เพียงทำให้พวกเธอหมดสิทธิ์ลืมตาดูโลกเท่านั้น แต่ยังทำให้เด็กที่เกิดมาแล้วต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วย” คริสตอฟ กิลโมโต นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยปารีสเดการ์ตส์ (Paris Descartes University) ซึ่งร่วมเรียบเรียงผลการศึกษาชิ้นนี้ ระบุ
“ความเท่าเทียมทางเพศไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิในการศึกษาเล่าเรียน การได้งานทำ หรือมีผู้แทนการทางเมืองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการดูแลเอาใจใส่ การได้รับวัคซีน โภชนาการ และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความอยู่รอด”
กิลโมโต และทีมงานใช้ฐานข้อมูลประชากรจาก 46 ประเทศมาคำนวณหาสถิติการเสียชีวิตของเด็กผู้หญิงในสังคมที่ปราศจากการกีดกันทางเพศ และเปรียบเทียบกับตัวเลขที่แท้จริง
ผลการคำนวณพบส่วนต่างอยู่ที่ 19 คนต่อเด็กหญิง 1,000 คนในช่วงปี 2000-2005 ซึ่งถือเป็นการตายที่เกิดจากอคติทางเพศ หรือคิดเป็น 239,000 คนต่อปี และ 2.4 ล้านคนใน 1 ทศวรรษ
“ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า 22% ของเด็กหญิงอินเดียที่เสียชีวิตขณะอายุต่ำกว่า 5 ปีมีสาเหตุจากอคติทางเพศ” สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการวิเคราะห์ระบบเชิงประยุกต์ (International Institute for Applied Systems Analysis - IIASA) ซึ่งมีฐานในออสเตรีย ระบุในถ้อยแถลง
งานวิจัยยังพบด้วยว่า ปัญหานี้ค่อนข้างรุนแรงเป็นพิเศษในอินเดียตอนเหนือ โดยเฉพาะรัฐอุตตรประเทศ, พิหาร, ราชาสถาน และมัธยประเทศ ซึ่งมีสถิติการตายส่วนเกิน (excess deaths) ของเด็กผู้หญิงคิดเป็น 2 ใน 3 ของทั้งประเทศ
พื้นที่ที่เกิดการตายในลักษณะนี้มากที่สุดคือชุมชนเกษตรกรรมในชนบทที่ประชากรมีฐานะยากจน การศึกษาต่ำ มีความหนาแน่นทางประชากรสูง และอัตราการเกิดสูง
นันดิตา ไซเกีย นักวิจัยจาก IIASA เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการแทรกแซงเพื่อลดการเลือกปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงในแง่ของการปันส่วนอาหารและบริการสาธารณสุข โดยเน้นภูมิภาคที่ประชากรยังยากจน ถือค่านิยมผู้ชายเป็นใหญ่ และขาดลงทุนสำหรับเด็กผู้หญิง