เอเอฟพี - สตาร์บัคส์ประกาศยกเลิกข้อกำหนดให้ลูกค้าต้องสั่งกาแฟก่อนใช้ห้องน้ำ หลังเกิดกรณีที่พนักงานไปแจ้งตำรวจจับกุมชายผิวสี 2 คนฐานบุกรุก จนทำให้ทางร้านเสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกต่อต้านอย่างหนัก
ข่าวการจับกุม ราชอน เนลสัน และ ดอนเต โรบินสัน ที่ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ในเมืองฟิลาเดลเฟียของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมาได้จุดกระแสประท้วงในระดับนานาชาติ และทำให้หลายฝ่ายออกมาตั้งคำถามเรื่องค่านิยมเหยียดผิวที่ยังไม่หมดไปจากสังคมอเมริกันเสียที
“เราไม่ได้ต้องการจะเป็นห้องน้ำสาธารณะ แต่เราจะตัดสินใจอย่างถูกต้องเหมาะสม 100% ทุกครั้ง และยื่นกุญแจให้แก่ลูกค้า” โฮเวิร์ด ชุลซ์ ประธานบริหารสตาร์บัคส์ กล่าวต่อสภาแอตแลนติก (Atlantic Council) หน่วยงานคลังสมองซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพฤหัสบดี (10 พ.ค.)
“สตาร์บัคส์ยินดีต้อนรับทุกคน” เขายืนยัน
เนลสัน และ โรบินสัน ได้เดินเข้าไปในร้านสตาร์บัคส์ และหนึ่งในนั้นขอใช้ห้องน้ำระหว่างรอเพื่อนคนที่ 3 เดินทางมาหารือธุรกิจ แต่ปรากฏว่าพนักงานไม่ยินยอม โดยอ้างว่าเขายังไม่ได้ซื้อกาแฟ
เมื่อทั้งคู่นั่งลงรอเฉยๆ ผู้จัดการร้านก็โทรศัพท์เรียกตำรวจทันที
ชุลซ์ ยอมรับว่า นโยบายเดิมซึ่งกำหนดว่าลูกค้าจะขอใช้ห้องน้ำได้ก็ต่อเมื่อซื้อสินค้า และให้ผู้จัดการร้านเป็นคนตัดสินใจนั้น “หละหลวม” เกินไป
เนลสัน และ โรบินสัน ได้ทำข้อตกลงยอมความกับสตาร์บัคส์และทางการเมืองฟิลาเดลเฟีย โดยรับเงินค่าเสียหายเชิงสัญลักษณ์คนละ 1 ดอลลาร์ ขณะที่ฝ่ายบริหารเมืองจะบริจาคเงินจำนวน 200,000 ดอลลาร์เพื่อทำโครงการส่งเสริมนักเรียนมัธยมที่ต้องการเป็นนักธุรกิจ
สตาร์บัคส์พยายามแก้ไขความผิดพลาดด้วยการขออภัย และประกาศจะปิดร้านกาแฟทั่วสหรัฐฯ ในช่วงบ่ายของวันที่ 26 พ.ค. เพื่อจัดอมรมพนักงานเรื่องการมีอคติทางเชื้อชาติ