รอยตอร์ - ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งวันนี้ (7 พ.ค.) เกิดขึ้นภายในห้องโถงอันเดรเยฟสกี (Andreyevsky Hall) พระราชวังเครมลิน ท่ามกลางความสิ้นหวังจากนักการทูตชาติตะวันตก ที่ต่างคาดว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกจะไม่สามารถถูกแก้ไขหมดไปได้ภายในช่วงเวลา 6 ปีของการดำรงตำแหน่งรอบใหม่สำเร็จ
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (7 พ.ค.) ว่า ผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เข้าพิธีสาบานตนในวันจันทร์ (7) เพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ที่มีการดำรงตำแหน่งยาวนานถึงอีก 6 ปีข้างหน้าสำหรับสมัยการดำรงตำแหน่งที่ 4 ของเขา
ภายในพิธีที่ถูกจัดขึ้นภายในห้องโถงอันเดรเยฟสกี (Andreyevsky Hall) พระราชวังเครมลิน มือของปูตินอยู่บนกฎหมายรัฐธรรมนูญสหพันธรัฐรัสเซียที่มีปกทำด้วยทองคำฉลุลาย โดยผู้นำรัสเซียต้องสาบานที่จะรับใช้ประชาชนรัสเซีย ป้องกันสิทธิและเสรีภาพ และปกป้องความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ของรัสเซีย
คำสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตน ปูตินประกาศว่า ในอีก 6 ปีข้างหน้า รัสเซียจะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใด และเป็นผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่งบนเวทีโลก ที่ถูกหนุนหลังด้วยกองทัพรัสเซียที่ทรงพลังอำนาจ ในขณะเดียวกันจะพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาชีวิตสำหรับประชาชนในประเทศ
“ในการเข้ารับตำแหน่งนี้ ผมตระหนักได้ถึงภาระความรับผิดชอบ” ปูตินกล่าวต่อบรรดาเจ้าหน้าที่รัสเซีย และตัวแทนจากชาติต่างๆ ที่รวมไปถึงอดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี แกร์ฮาร์ด ชเรอเดอร์
และปูตินกล่าวต่อว่า “เป้าหมายของชีวิตและการทำงานของผมคือการที่จะรับใช้ประชาชน และมาตุภูมิ”
รอยเตอร์ชี้ว่า ในการเดินทางในระยะใกล้จากที่ทำงานของเขาไปยังสถานที่จัดพิธีสาบานตนนั้น ผู้นำรัสเซียเดินทางด้วยรถลีมูซีนประจำตำแหน่งคันใหม่ซึ่งเป็นรถที่ผลิตภายในรัสเซีย
และนับตั้งแต่วันพิธีสาบานตนนี้ รถลิมูซีนคันนี้จะถูกนำมาใช้แทนที่ขบวนรถเดิม อ้างอิงจากการรายงานของสถานีโทรทัศน์รัสเซีย
รอยเตอร์รายงานว่า ในเวลานี้คำถามเกิดขึ้นว่า ใครจะได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีรัสเซียคนถัดไป ซึ่งหากว่าผู้นำรัสเซียเลือก ดมิตรี เมดเวเดฟ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่แล้วจะเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความต่อเนื่อง
แต่หากว่าปูตินเปลี่ยนใจ และเลือกคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง รอยเตอร์ชี้ว่า อาจเป็นการบอกให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในนโยบาย และยังเป็นการชี้ให้เห็นว่า ปูตินอาจกำลังปูทางให้กับผู้ที่จะมารับไม้ต่อจากเขาในอนาคต เป็นเพราะเมื่อสมัยการดำรงตำแหน่งสิ้ยสุดในปี 2024 กฎหมายรัฐธรรมนูญรัสเซียห้ามให้ปูตินเข้าดำรงตำแหน่งอีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน บรรดานักการทูตต่างชาติต่างมองไปถึงสมัยการดำรงตำแหน่งครั้งที่ 4 ของปูติน ที่ต่างเชื่อว่า มีความเป็นไปได้น้อยในการที่รัสเซียจะสามารถยุติความขัดแย้งที่เผชิญหน้ากันระหว่างชาติตะวันตกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้สำเร็จภายใน 6 ปีข้างหน้านี้
ซึ่งไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียมีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ ในการถูกสหรัฐฯ บีบด้วยมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ ปัญหาความขัดแย้งซีเรีย ปัญหาความขัดแย้งเนื่องมาจากคดีลอบสังหารอดีตสายลับสองหน้า เซอร์เก สคริพาลในอังกฤษ ที่ทำให้บรรดานักการทูตต่างพากันหวั่นว่า ความขัดแย้งอาจเกินขอบเขตการควบคุมไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงแรงสนับสนุนภายในประเทศ โพลสำรวจความนิยมล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ปูตินได้รับการสนับสนุนอย่างสูงจากประชาชนชาวรัสเซีย และคู่แข่งทางการเมือง อเล็กซี นาวาลนีย์ ที่เพิ่งถูกปล่อยตัวจากเรือนจำล่าสุด ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์เรียกคนจำนวนมากออกมาประท้วงได้
แต่อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ชี้ว่า จุดอ่อนของประธานาธิบดีปูติน ยังคงเป็นที่ปัญหาระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงราคาน้ำมันโลกที่ลดต่ำ การร่วงลงของสกุลเงินรูเบิล และผลกระทบที่เกิดมาจากการคว่ำบาตร ส่งผลทำให้อัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยในรัสเซียหล่นจาก 867 ดอลลาร์ต่อเดือนในปี 2013 มาอยู่ที่ 553 ดอลลาร์ ในปี 2017
ทั้งนี้ เศรษฐกิจรัสเซียที่มีขนาดใหญ่ลำดับที่ 11 ของโลก สามารถกลับมาเติบโตอีกครั้งที่ 1.5% ในปีที่ผ่านมา สาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่มีการดีดตัวขึ้น แต่กระนั้นยังห่างจากเป้าที่ทางเครมลินตั้งไว้ไป 2% รอยเตอร์ชี้ และห่างจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 8.5% ในปี 2007 ซึ่งถือเป็นตัวเลขความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสูงสุดในสมัยที่ปูตินบริหารประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ผู้นำรัสเซียยังไม่มีแนวคิดในการคัดเลือกทายาทเพื่อสืบทอดอำนาจทางการเมืองแต่อย่างใด และอีกทั้งการที่เปิดเผยถึงทายาททางการเมืองในช่วงต้นๆ อาจเป็นผลร้ายต่อรัฐบาลปูตินที่อาจจะกลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อยได้ รอยเตอร์รายงาน
