เอเอฟพี - องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์ วอตช์ เรียกร้องวันนี้ (5 พ.ค.) ให้ทางการดูไบเปิดเผยที่อยู่ของ ชัยคอ ลาตีฟา บินติ โมฮัมเหม็ด บิน รอชีด อัล-มักตูม ธิดาเจ้าผู้ปกครองนครดูไบ ซึ่งมีข่าวว่าทรงหนีออกจากวัง โดยเกรงว่าจะทรงตกเป็นเหยื่อการ “บังคับสูญหาย” (enforced disappearance)
เจ้าหญิงลาตีฟา วัย 32 พรรษา ทรงประกาศผ่านคลิปวิดีโอที่เผยแพร่เมื่อเดือน มี.ค ว่าจะทรงหนีออกจากรัฐเอมิเรตแห่งนี้ เนื่องจากรับไม่ได้กับการกดขี่และข้อจำกัดต่างๆ ที่พระราชวงศ์กำหนดขึ้น
เจ้าหญิงทรงแนะนำพระองค์เองว่าเป็นราชธิดาของ ชัยค์ โมฮัมเหม็ด บิน รอชีด อัล-มักตูม เจ้าผู้ปกครองนครดูไบ กับนาง ฮอร์รียา อาเหม็ด พระชายาชาวแอลจีเรีย และทรงพยายามที่จะหลบหนีออกจากวังมานานหลายปีแล้ว
ต่อมาในเดือน เม.ย. แหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลดูไบระบุว่า เจ้าหญิงที่เสด็จฯ หนีไปได้ถูกพาตัวกลับมาแล้ว
แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามบอกกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า “เรายืนยันได้ว่าพวกเขาพบตัวพระองค์ และทรงถูกพากลับมา”
ฮิวแมนไรต์วอตช์ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐฯ แถลงวันนี้ (5) ว่า รัฐบาลดูไบต้องเปิดเผยที่อยู่ของเจ้าหญิงลาตีฟา รวมถึงชี้แจงสถานะทางกฎหมายของพระองค์ด้วย
“การปกปิดที่อยู่และสถานะของเจ้าหญิงอาจเข้าข่ายบังคับให้สูญหาย เนื่องจากมีผู้พบเห็นพระองค์ครั้งสุดท้ายขณะที่ถูกทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าจับกุม”
องค์กรแห่งนี้อ้างข้อมูลจากพยานซึ่งระบุว่า ทางการยูเออี “ดักจับกุม ชัยคอ ลาตีฟา เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ขณะที่พระองค์กำลังขึ้นเรือหนีออกทะเลไปยังประเทศที่สาม และทรงถูกนำกลับไปยังยูเออี”
“ชัยคอ ลาตีฟา ตรัสกับพระสหายว่าทรงต้องการหนีให้พ้นจากข้อบังคับต่างๆ ของพระราชวงศ์ และจนถึงวันนี้ไม่มีใครได้ยินข่าวคราวของพระองค์มา 2 เดือนแล้ว”
ซาราห์ เลียห์ วิตสัน ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ประจำภูมิภาคตะวันออกกลาง ระบุว่า “ยูเออีต้องเปิดเผยที่อยู่ของ ชัยคอ ลาตีฟา ยืนยันสถานะของพระองค์ และอนุญาตให้พระองค์ติดต่อกับโลกภายนอก”
“หากทรงถูกกักขังก็จะต้องได้รับสิทธิตามที่ผู้ต้องขังทุกคนควรได้ รวมถึงสิทธิ์ในการถูกไต่สวนโดยผู้พิพากษาอิสระ”
องค์กร Detained in Dubai ซึ่งมีฐานในสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่า เรือที่เจ้าหญิงลาตีฟาทรงโดยสารออกจากดูไบถูกดักสกัดเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ขณะอยู่ห่างจากชายฝั่งอินเดียไม่ถึง 80 กิโลเมตร
บนเรือมีชาวต่างชาติหลายคน รวมถึงพระสหายหญิงชาวฟินแลนด์
แหล่งข่าวเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า หญิงชาวฟินแลนด์และชายชาวฝรั่งเศส 2 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นถือสัญชาติอเมริกันด้วย มีส่วนช่วยวางแผนพาเจ้าหญิงหลบหนี และเคยถูกตำรวจดูไบออกหมายจับในข้อหาอื่นๆ มาแล้ว
“นี่คือเรื่องภายในประเทศที่ถูกเอาไปเป็นเครื่องมือทำลายชื่อเสียงของดูไบและ ชัยค์ โมฮัมเหม็ด” แหล่งข่าวระบุ


