เอเอฟพี - การระเบิดของภูเขาไฟฟูจิอาจส่งผลให้กรุงโตเกียวเมืองหลวงญี่ปุ่นกลายเป็นอัมพาต ท้องถนนถูกปกคลุมไปด้วยเถ้าถ่าน และระบบประปาใช้การไม่ได้ ผลการศึกษาเพื่อวางแผนป้องกันความเสี่ยงโดยรัฐบาลญี่ปุ่นเผยวันนี้ (1 พ.ค.)
ยอดเขาซึ่งมีหิมะปกคลุมเกือบตลอดทั้งปีนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของแดนอาทิตย์อุทัยที่ทั่วโลกหลงใหลแล้ว ยังเป็นภูเขาไฟมีพลังซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกเพียง 100 กิโลเมตร
ภูเขาไฟฟูจิระเบิดครั้งล่าสุดเมื่อปี ค.ศ. 1707 หรือกว่า 300 ปีมาแล้ว และแม้จะไม่มีสัญญาณการปะทุเลยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ผลวิจัยของรัฐบาลญี่ปุ่นพบว่าการระเบิดของมันจะทำให้พื้นที่ใจกลางกรุงโตเกียวถูกปกคลุมด้วยเถ้าถ่านหนาถึง 10 เซนติเมตร ถนนหนทางไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่การเคลื่อนย้ายสินค้าและระบบขนส่งมวลชนอาจต้องหยุดชะงัก
งานวิจัยยังพบว่า เถ้าถ่านที่หนาเพียง 0.5 เซนติเมตรอาจถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์จนทำให้ยานพาหนะเสียหาย และหากเกินกว่า 1 เซนติเมตรจะทำให้ไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ระบบกรองน้ำประปาล้มเหลว
โนริโกะ อุราตะ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานวิจัยชิ้นนี้ ยืนยันกับเอเอฟพีว่า รัฐบาลกำลังประเมินผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟฟูจิ และเตรียมมาตรการรองรับที่เหมาะสม
“แต่เราไม่อยู่ในสถานะที่จะเปิดเผยรายละเอียดได้” เธอกล่าว
รัฐบาลญี่ปุ่นเคยประเมินว่า การระเบิดของภูเขาไฟฟูจิจะสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านล้านเยน (ราว 721,000 ล้านบาท)
“แต่หากนับรวมผลกระทบที่จะเกิดต่ออุตสาหกรรมการบินและระบบขนส่งอื่นๆ รวมถึงสาธารณูปโภคขั้นทุติยภูมิ ความเสียหายย่อมจะต้องมากกว่า 2.5 ล้านล้านเยนแน่นอน” โทชิยาสุ นางาโอะ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพยากรณ์แผ่นดินไหวแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ให้สัมภาษณ์
“ฟูจิจัดเป็นภูเขาไฟที่อายุน้อย... ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหากมันจะปะทุอีกครั้งในอนาคตอันใกล้”
หมู่เกาะญี่ปุ่นมีภูเขาไฟที่มีพลังอยู่กว่า 110 ลูก และตั้งอยู่บนแนว “วงแหวนไฟ” รอบมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งเป็นจุดที่เกิดกิจกรรมแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
การปะทุของภูเขาไฟคุซัตสึ-ชิราเนะ (Kusatsu Shirane) ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียวเมื่อเดือน ม.ค. ทำให้สมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นเสียชีวิต 1 นาย และมีนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนสกีรีสอร์ตชื่อดังบาดเจ็บอีกกว่า 10 คน
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ปี 2014 ภูเขาไฟออนทาเกะทางตอนกลางของจังหวัดนางาโนะเกิดปะทุโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ส่งผลให้นักท่องเที่ยวซึ่งปีนขึ้นไปชมสีสันของฤดูใบไม้ร่วงใกล้ปากปล่องภูเขาไฟเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 63 คน และถือเป็นภัยพิบัติจากภูเขาไฟครั้งเลวร้ายที่สุดของญี่ปุ่นในรอบเกือบ 90 ปี