เอเจนซีส์ - เกาหลีใต้เตรียมถอดลำโพงที่ถ่ายทอดการโฆษณาชวนเชื่อตามแนวชายแดนเพื่อสร้างความไว้วางใจทางทหาร ด้านเกาหลีเหนือประกาศปรับใช้เขตเวลาเดียวกับบ้านพี่เมืองน้องทางใต้ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนมีกำหนดเยือนเปียงยางกลางสัปดาห์นี้ ส่วนอเมริกายืนกรานให้โสมแดงยกเลิกโครงการนิวเคลียร์โดยอาจอิงกับ “ลิเบียโมเดล” ที่นำไปสู่การโค่นอำนาจกัดดาฟีในที่สุด
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้มีขึ้นหลังการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (27 เม.ย.) ที่ประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ตกลงยุติการเป็นปรปักษ์และร่วมกันทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์โดยสิ้นเชิง โดยทางการโซลเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า คิมให้สัญญาเชิญผู้เชี่ยวชาญและนักข่าวเกาหลีใต้และอเมริกาไปเป็นสักขีพยานการทำลายสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์เร็วๆ นี้
ในวันจันทร์ (30 เม.ย.) กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงว่า ตั้งแต่วันอังคาร (1 พ.ค.) จะเริ่มถอดลำโพงตามแนวชายแดนที่เคยกระจายเสียงการโฆษณาชวนเชื่อ ข่าวสาร เพลงฮิตของศิลปินเกาหลีใต้ และบทวิจารณ์รัฐบาลเกาหลีเหนือ เนื่องจากเห็นว่า เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างความไว้วางใจทางทหาร และหวังว่า เปียงยางจะดำเนินการแบบเดียวกัน
ทางด้านเปียงยางประกาศว่า จะเริ่มปรับเวลามาตรฐานของตนให้เร็วขึ้น 30 นาทีเพื่อใช้เขตเวลาเดียวกับเกาหลีใต้ตั้งแต่วันเสาร์ (5) โดยสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของรัฐบาลเกาหลีเหนืออ้างอิงคำพูดของผู้นำคิมว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มีนัยเชิงนามธรรมว่า เกาหลีเหนือ-ใต้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่เป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งในการที่ทั้งสองฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่แตกต่างและทำให้แตกแยกกัน ให้กลายเป็นสิ่งเดียวกัน
ทั้งนี้เกาหลีเหนือเพิ่งเปลี่ยนเขตเวลาของตนให้ช้ากว่าของเกาหลีใต้ครึ่งชั่วโมงมาตั้งแต่ปี 2015 โดยอ้างว่าเพื่อฉลองครบรอบ 70 ปีการปลดปล่อยเกาหลีจากญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สำหรับการประชุมซัมมิต 2 เกาหลีคราวนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ดูจะกำลังส่งผลทำให้ชาวเกาหลีใต้ไว้ใจเกาหลีเหนือมากขึ้น ถึงแม้ผลประชุมยังไม่มีคำตอบสำหรับคำถามสำคัญๆ ที่ว่า การปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีมีความหมายว่าอะไรแน่ๆ และจะบรรลุผลได้อย่างไร
โดยผลสำรวจความคิดเห็นที่รีลมิเตอร์จัดทำขึ้นเมื่อวันศุกร์พบว่า คนเกาหลีใต้ 64.7% เชื่อว่า เปียงยางจะปลดอาวุธนิวเคลียร์และรักษาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่เมื่อถามว่า ก่อนซัมมิตไว้ใจเกาหลีเหนือหรือไม่ มีแค่ 14.7% ที่ตอบว่า ไว้ใจ
ซัมมิตครั้งประวัติศาสตร์ยังส่งให้คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีมุนพุ่งขึ้นเป็น 70% สูงที่สุดนับจากกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา
และเนื่องจากคำถามมากมายยังไม่มีความชัดเจน ทั่วโลกจึงเฝ้าจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างคิมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่ระบุกันว่า น่าจะมีขึ้นใน 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า
ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของอเมริกา กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (29 เม.ย.) ว่า ข้อตกลงใดๆ ก็ตามกับวอชิงตันอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า เกาหลีเหนือต้องแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนในการล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ชนิดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปรื้อฟื้นได้อีก และสำทับว่า สหรัฐฯ มีหน้าที่ในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาอย่างสันติเพื่อไม่ให้พลเมืองอเมริกันตกอยู่ในความเสี่ยงจากคิมและคลังแสงนิวเคลียร์โสมแดง
ปอมเปโอกล่าวในรายการของเครือข่ายทีวีเอบีซีด้วยว่า ตนและคิมได้หารืออย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับกลไกการปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างเดินทางไปเปียงยางในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ และมองว่า มีโอกาสอย่างแท้จริงที่จะมีความคืบหน้าในเรื่องนี้
ส่วนที่รัฐมิชิแกน ทรัมป์โอ้อวดระหว่างการปราศรัยแบบรณรงค์หาเสียงกับกลุ่มผู้สนับสนุนว่า ตนสามารถผลักดันข้อตกลงนิวเคลียร์กับเปียงยาง ด้วยมาตรการกดดันถึงขีดสุดที่ครอบคลุมการใช้วาจาแข็งกร้าว การเพิ่มมาตรการลงโทษ และความพยายามทางการทูตเพื่อโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี ประมุขทำเนียบขาวยืนยันว่า พร้อมเดินออกจากห้องประชุม หากข้อเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยกเลิกคลังแสงนิวเคลียร์ไม่ได้รับการตอบสนอง
นอกจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ยังให้สัมภาษณ์ในรายการฟ็อกซ์ นิวส์ว่า การตัดสินใจยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ของลิเบียผ่านกระบวนการทางการทูตระหว่างปี 2003-2004 เป็นรูปแบบอ้างอิงที่อเมริกากำลังพิจารณาใช้กับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม เปียงยางอาจไม่ยินยอมง่ายๆ เนื่องจากความเคลื่อนไหวในการกำจัดโครงการนิวเคลียร์ของลิเบียนำไปสู่การโค่นล้มมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำเผด็จการของลิเบียในขณะนั้นโดยกลุ่มกบฏที่ตะวันตกให้การสนับสนุน
ทางด้านกรุงปักกิ่ง จีนแถลงในวันจันทร์ว่า จะส่งหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ เดินทางไปเกาหลีเหนือในวันพุธและพฤหัสบดี (2-3) ตามคำเชิญของรี ยองโฮ รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ ถือเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศแดนมังกรคนแรกที่เดินทางไปเปียงยางนับจากปี 2007 และยังสะท้อนเจตนารมณ์ของปักกิ่งในการปรับปรุงความสัมพันธ์กับโสมแดง