เอเอฟพี - คูเวตในวันพุธ(25เม.ย.) เผยกำลังขับไล่เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์และเรียกทูตของพวกเขากลับจากมะนิลา ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่อลูกจ้างทำงานบ้าน
คูนา สำนักข่าวอย่างเป็นทางการของคูเวตระบุว่าเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์มีเวลา 1 สัปดาห์สำหรับเดินทางออกนอกคูเวต ท่ามกลางข้อพิพาททางการทูตระหว่างสองชาติ อันมีต้นตอเหตุลูกจ้างทำงานบ้านชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศคูเวตเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าได้เรียกตัว เรนาโต เปโดร โอวิลา เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์เข้าพบและแจ้งข่าวเกี่ยวกับคำสั่งขับไล่เขาแล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นแม้ว่าเมื่อวันอังคาร(24เม.ย.) อลัน ปีเตอร์ คาเยตาโน รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ได้ขอโทษอย่างเป็นทางการ หลังปรากฏวิดีโอพวกเจ้าหน้าที่สถานทูตเข้าช่วยลูกจ้างทำงานบ้านชาวฟิลิปปินส์จากการถูกล่วงละเมิดกระทำทารุณอย่างผิดกฎหมายในคูเวต
คูเวต โกรธกริ้วต่อวิดีโอดังกล่าว โดยบอกว่าปฏิบัติการช่วยเหลือนั้นคือการละเมิดอำนาจอธิปไตยของพวกเขา ซ้ำเติมความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดอยู่ก่อนแล้ว หลังประธานาธิบดีโรดิโก ดูเตอร์เต กำหนดมาตรการห้ามพลเมืองเดินทางไปทำงานในคูเวต ท่ามกลางรายงานข่าวเกี่ยวกับถูกล่วงละเมิดต่างๆ หลังจากพบศพลูกจ้างทำงานบ้านชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งในตู้เย็นของบ้านร้างหลังหนึ่งในคูเวต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน ศาลคูเวตพิพากษาลับหลังจำเลย ประหารชีวิตชายชาวเลบานอนรายหนึ่งและภรรยาชาวซีเรียของเขา โทษฐานฆาตกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์รายดังกล่าวนามว่าโจแอนนา เดมาเฟลิส
ปัจจุบันมีชาวฟิลิปปินส์เดินทางออกไปทำงานในต่างแดนราวๆ 10 ล้านคนและเงินที่พวกเขาส่งกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนถือเป็นสายใยหล่อเลี้ยงชีวิตของเศรษฐกิจฟิลิปปินส์
แรงงานทั้งหลายในประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียหลายชาติถูกจ้างงานภายใต้ระบบสปอนเซอร์ซึ่งมอบสิทธิแก่นายจ้างสำหรับเก็บพาสปอร์ตพวกเขาเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานต่างชาติสามารถลาออก หรือเปลี่ยนงานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆระบุว่าระบบดังกล่าวเปิดทางให้มีการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานหลายล้านคนในภูมิภาค