รอยเตอร์ - ฟิลิปปินส์ขอโทษอย่างเป็นทางการในวันอังคาร(24ม.ย.) ต่อสิ่งที่คูเวตมองว่าเป็นการล่วงละเมิดอำนาจอธิปไตย หลังจากสถานทูตมะนิลาเข้าช่วยเหลือลูกจ้างทำงานบ้านหลายคนออกมาจากบ้านของนายจ้างท่ามกลางรายงานข่าวเกี่ยวกับการถูกกระทำทารุณ
อลัน ปีเตอร์ คาเยตาโน รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ระบุว่าสถานทูตจำเป็นต้องเข้าช่วยแรงงานฟิลิปปินส์ที่ร้องขอความช่วยเหลือมา สืบเนื่องจากมันเป็นสถานการณ์คอขาดบาดตาย
"เราเคารพอำนาจอธิปไตยของคูเวตและกฎหมาย แต่สวัสดิภาพของแรงงานฟิลิปปินส์ก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่งเช่นกัน" เขากล่าว พร้อมระบุว่าลูกจ้างทำงานบ้านคิดเป็นกว่า65%ของแรงงานฟิลิปปินส์ทั้งหมดในคูเวต ซึ่งมีอยู่กว่า 260,000 คน
คาเยตาโน บอกต่อว่าคูเวตตอบรับคำอธิบายของฟิลิปปินส์ หลังจากเอกอัครราชทูตคูเวตเข้าพบประธานาธิบดีโรดิโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ รวมถึงได้พูดคุยกับเขาด้วย "เรากำลังส่งหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศคูเวต และเราขอโทษต่อเหตุการณ์ๆหนึ่งที่คูเวตมองว่ามันเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของพวกเขา"
เมื่อเดือนที่แล้ว ดูเตอร์เต สั่งพวกแรงงานในคูเวตให้เดินทางกลับฟิลิปปินส์ ท่ามกลางรายงานข่าวเกี่ยวกับถูกล่วงละเมิดต่างๆ หลังจากพบศพลูกจ้างทำงานบ้านชาวฟิลิปปินส์รายหนึ่งในตู้เย็นของบ้านร้างหลังหนึ่งในคูเวต
ปฏิบัติการช่วยเหลือเมื่อวันเสาร์(21เม.ย.) พวกแรงงานถูกพาไปยังศูนย์พักพิงต่างๆที่ดูแลโดยสถานทูตและจะถูกส่งตัวกลับประเทศเร็วๆนี้ "แรงงานเหล่านั้นสมัครใจมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานทูต หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตไปรออยู่บริเวณด้านนอกบ้านพักของนายจ้าง" ทูตรายหนึ่งเล่า พร้อมเผยว่าลูกจ้างทำงานบ้านถูกริบพาสปอร์ตเอาไว้ ขณะที่แรงงานบางส่วนถูกโน้มน้าวให้ผละหนีจากนายจ้าง
ทั้งนี้ได้มีบันทึกภาพปฏิบัติการช่วยเหลือและโพสต์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ "มันไม่ใช่ปฏิบัติการลับอะไร" เอลเมอร์ คาโต รองเลขานุการด้านการทูตสาธารณะฟิลิปปินส์กล่าว อย่างไรก็ตามปฏิบัติการนี้กระตุ้นให้ คูเวต เรียกร้องเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์เข้าพบเพื่อขอคำชี้แจง
แฮร์รี โรก โฆษกของดูเตอร์เต บอกว่าเนื้อหาบางส่วนในข้อตกลงหนึ่งกับคูเวต ได้ขอคำรับประกันจากคูเวตว่าจะนำตัวพวกผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดแรงงานฟิลิปปินส์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม "ท่านรัฐมนตรีต่างประะเทศนำส่งสารคำร้องของเรา ที่ขอให้คูเวตกรุณาเข้าใจหน้าที่ของรัฐบาลที่จำเป็นต้องปกป้องพลเมืองฟิลิปปินส์ในทุกหนทุกแห่งทั่วโลก"
แรงงานทั้งหลายในประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียหลายชาติถูกจ้างงานภายใต้ระบบสปอนเซอร์ซึ่งมอบสิทธิแก่นายจ้างสำหรับเก็บพาสปอร์ตพวกเขาเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานต่างชาติสามารถลาออก หรือเปลี่ยนงานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อน
กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆระบุว่าระบบดังกล่าวเปิดทางให้มีการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานหลายล้านคนในภูมิภาค