เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นออกมาขานรับคำมั่นสัญญาของผู้นำเกาหลีเหนือที่ระบุว่าจะเลิกทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีปอย่างระมัดระวังวันนี้ (21 เม.ย.) ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมปลาดิบยังคงเสียงแข็ง ขู่จะใช้มาตรการกดดันขั้นสูงสุดต่อเปียงยางต่อไป
อาเบะ ให้สัมภาษณ์ว่า “เรารู้สึกยินดีกับการมองไปข้างหน้าของเกาหลีเหนือ แต่สิ่งสำคัญก็คือ คำสัญญานี้จะนำไปสู่การหยุดพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกจริงหรือไม่”
“ญี่ปุ่นจะยังเฝ้าจับตาดูเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด”
ผู้นำคิมเรียกเสียงฮือฮาจากทั่วโลก หลังออกมาประกาศวันนี้ (21) ว่าเกาหลีเหนือจะยุติการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) เพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะเปิดประชุมซัมมิตร่วมกับประธานาธิบดี มุน แจอิน แห่งเกาหลีใต้ รวมถึงการพบปะกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่หลายฝ่ายเฝ้ารอคอย
“เราไม่อาจพอใจกับคำพูดแค่นี้ได้” อิตสุโนริ โอโนเดระ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยชี้ว่าผู้นำโสมแดง “ไม่ได้รับปากว่าจะเลิกยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้และกลาง” ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อหมู่เกาะญี่ปุ่นด้วย
เขายืนยันว่า ญี่ปุ่นจะยังคงนโยบายกดดันเกาหลีเหนือต่อไป “เพื่อนำไปสู่การปลดอาวุธทำลายล้างสูง อาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธทุกชนิด”
ที่ตั้งของญี่ปุ่นอยู่ในวิถีการยิงของขีปนาวุธเกาหลีเหนือพอดิบพอดี และเคยถูกโสมแดงยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดมาแล้วถึง 2 ครั้งในปี 2017
ทาโร อาโสะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ก็ออกมาแสดงท่าทีกังขาต่อคำพูดของผู้นำเกาหลีเหนือ
“เกาหลีเหนือเคยสัญญามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และเราก็เสียเงินไปมากมายเพื่อให้พวกเขายอมทำลายสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่หยุด” อาโสะ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนืออ้างถ้อยแถลงของ คิม ที่ว่า เปียงยางบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ตามที่ตั้งเจตนารมณ์ไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทดสอบนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธ ICBM อีกต่อไป และหลังจากนี้รัฐบาลก็จะหันมาสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงการติดต่อสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านและประชาคมโลก
การที่ คิม จองอึน ให้สัญญาว่าจะยุติโครงการพัฒนาอาวุธที่ปู่และพ่อริเริ่มเอาไว้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งของผู้นำโสมแดงรุ่นที่ 3 ซึ่งเคยใช้แสนยานุภาพนิวเคลียร์เป็นเครื่องค้ำจุนอำนาจและความชอบธรรมของรัฐบาลมาตลอดหลายปี
