รอยเตอร์ - อิรักในวันพฤหัสบดี (19 เม.ย.) ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฐานที่มั่นต่างๆของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย หนึ่งสัปดาห์หลังจากนายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อาบาดี ประกาศกร้าวว่าประเทศของเขาจะปกป้องตนเองจากภัยคุกคามของพวกนักรบข้ามพรมแดน
โฆษกกองทัพแบกแดดระบุในถ้อยแถลงว่า ฝูงบินรบเอฟ-16 ของอิรัก บินข้ามพรมแดนเข้าสู่ซีเรีย เพื่อปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายต่างๆ หลังจากประสานงานกับรัฐบาลของประธานนาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียแล้ว
“ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มพวกไอเอสในดินแดนซีเรียมีขึ้นสืบเนื่องจากภัยคุกคามของแก๊งต่างๆ ที่เสี่ยงก่ออันตรายแก่ดินแดนอิรัก และเพื่อพิสูจน์ศักยภาพที่ดีขึ้นของกองทัพของเรา” ถ้อยแถลงของกองทัพอิรักระบุ
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน อาบาดีบอกว่าอิรักจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นหาก “พวกเขา” เป็นภัยคุกคามของอิรัก อ้างถึงพวกนักรบญิฮาด ที่เมื่อ 3 ปีก่อนเคยยึดครองดินแดน 1 ใน 3 ของอิรัก
นายกรัฐมนตรีรายนี้ประกาศชัยชนะขั้นเด็ดขาดเหนือพวกหัวรุนแรงสุดขั้วกลุ่มนี้เมื่อเดือนธันวาคม แต่ไอเอสยังเสี่ยงเป็นภัยคุกคามจากแหล่งกบดานตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย และยังคงไม่รามือจากการซุ่มโจมตี, ลอบสังหาร และโจมตีด้วยระเบิดทั่วอิรัก
เวลานี้อิรักมีความสัมพันธ์ดีที่กับอิหร่านและรัสเซีย พันธมิตรหลักของอัสซาดในสงครามซีเรียที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 ปี แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็ให้การสนับสนุนพันธมิตรต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ อย่างแข็งขัน
อย่างไรก็ตาม แบกแดด วิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่ลงมือโจมตีทางอากาศถล่มซีเรียเมื่อเร็วๆ นี้ แก้แค้นกรณีต้องสงสัยใช้อาวุธเคมีโจมตีในเมืองดูมา โดยเรียกมันว่าเป็นปฏิบัติการที่อันตรายอย่างยิ่ง “ปฏิบัติการที่ลงมือโดย 3 ชาติมหาอำนาจรังแต่จะมอบโอกาสใหม่แห่งความรุ่งเรืองแก่พวกก่อการร้าย หลังจากพวกเขาเพิ่งพ่ายแพ้ในอิรักและกำลังสิ้นท่าในซีเรีย” ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศอิรักระบุ