รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ คำรามเตือนรัสเซียในวันพุธ (11 เม.ย.) ว่ากำลังจะเผชิญกับการปฏิบัติการทางทหารในซีเรียอย่างแน่นอน สืบเนื่องจากกรณีการโจมตีที่ฝ่ายตะวันตกกล่าวหารัฐบาลดามัสกัสใช้อาวุธเคมีในรูปของแก๊สพิษ ทั้งนี้เขาประกาศว่า ขีปนาวุธ “กำลังจะมาแล้ว” พร้อมกับหวดใส่มอสโกที่เข้าข้างสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย
ทรัมป์ออกมาคำรามดังกล่าว โดยเป็นปฏิกิริยาต่อคำเตือนจาก อเล็กซานเดอร์ ซาซิปกิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเลบานอน ซึ่งพูดเมื่อวันอังคาร (10) ว่า ขีปนาวุธใดๆ ที่สหรัฐฯยิงใส่ซีเรียสืบเนื่องจากการโจมตีที่กล่าวหากันว่าเกิดขึ้นในดินแดนยึดครองเล็กๆ ของฝ่ายกบฏซีเรียเมื่อคืนวันเสาร์ (7) ที่ผ่านมา จะถูกยิงตก และสถานที่ยิงขีปนาวุธก็จะตกเป็นเป้าหมายด้วย
“รัสเซียคุยว่าจะยิงขีปนาวุธใดๆ ก็ตามทุกๆ ลูกที่ยิงไปยังซีเรีย เตรียมพร้อมไว้เถอะรัสเซีย เพราะมันกำลังจะมาแล้ว สวยงามและใหม่เอี่ยมและ'สมาร์ท'” ทรัมป์เขียนเช่นนี้ในข้อความซึ่งโพสต์ทางทวิตเตอร์
“พวกคุณไม่ควรเป็นหุ้นส่วนกับเจ้าสัตว์ที่กำลังฆ่าคนด้วยแก๊สพิษ ซึ่งฆ่าประชาชนของเขาแล้วรู้สึกชอบอกชอบใจด้วย!” ทรัมป์ทวีตต่อ โดยมุ่งหมายถึงการที่รัสเซียเป็นพันธมิตรกับอัสซาด
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ตอบโต้ด้วยการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า “ขีปนาวุธที่สมาร์ทควรบินไปใส่พวกผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ใส่รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา แถลงว่า การใช้ขีปนาวุธเข้าโจมตีของสหรัฐฯ อาจเป็นความพยายามที่จะทำลายหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องที่กบฎซีเรียแถลงและฝ่ายตะวันตกประโคมต่อว่ามีการโจมตีด้วยแก๊สพิษในเมืองดูมา ซึ่งเป็นที่มั่นที่ยังเหลืออยู่ของฝ่ายกบฎในบริเวณกูตาตะวันออก ที่อยู่ใกล้ๆ กรุงดามัสกัส ทั้งนี้ดามัสกัสและมอสโกต่างปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
ในกรุงดามัสกัส กระทรวงการต่างประเทศซีเรีย กล่าวหาสหรัฐฯ ซึ่งกำลังให้การสนับสนุนกลุ่มกบฎบางกลุ่มในสงครามกลางเมืองของซีเรีย ว่ามุ่งใช้ “การเสกสรรปั้นแต่งและความเท็จ” มาเป็นข้ออ้างสำหรับการโจมตีดินแดนของซีเรีย
“เราไม่ได้รู้สึกประหลาดใจจากการขยายเรื่องให้บานปลายออกไปอย่างไร้ความคิดอ่านโดยฝีมือของระบอบปกครองเฉกเช่นระบอบปกครองสหรัฐฯ ผู้ซึ่งได้เคยให้การอุปถัมภ์การก่อการร้ายในซีเรียและยังกำลังทำเช่นนั้นอยู่” สำนักข่าวซานาของทางการซีเรียอ้างคำพูดที่ระบุว่าเป็นของแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รายหนึ่งในกระทรวงการต่างประเทศ
ภายหลังการโจมตีที่ดูมา กลุ่ม ไจช์ อัล-อิสลาม กลุ่มกบฎซึ่งฝังตัวอยู่ที่นั่นก็ได้ตกลงยอมถอนตัวออกไปในที่สุด เรื่องนี้ถือเป็นชัยชนะสำคัญสำหรับอัสซาดในสงครามกลางเมืองคราวนี้ ในความพยายามที่จะกวาดล้างฝ่ายกบฎในดินแดนกูตาตะวันออก
พวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวไม่ได้ตอบกลับมาในทันทีเมื่อสำนักข่าวรอยเตอร์ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่ทรัมป์ทวีต ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตอบว่า “ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติการทางทหารที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต”
ข้อความที่ทรัมป์ทวีตนี้ หมายถึงการเปิดเผยให้ทราบทั้งการที่เขาตัดสินใจจะใช้การปฏิบัติการทางทหาร รวมทั้งชนิดของอาวุธที่จะใช้ด้วย ดังนั้นจึงจะสร้างความหงุดหงิดผิดหวังให้แก่พวกนักวางแผนทางทหาร ผู้ย่อมจะต้องพยายามปิดลับข้อมูลข่าวสารเช่นนี้อย่างระมัดระวัง
ตัวทรัมป์เองพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าเจะไม่ป่าวร้องความเคลื่อนไหวทางทหารไปให้ศัตรูรู้ โดยเคยกล่าวเช่นนี้ทั้งในกรณีเกาหลีเหนือและในกรณีรัฐอิสลาม (ไอเอส) เมื่อวันจันทร์ (9) ทรัมป์บอกว่าเขาจะตัดสินใจภายใน 24 หรือ 48 ชั่วโมง ในเรื่องการตอบโต้อย่างแข็งแรงและหนักแน่นต่อการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เมืองดูมา แต่ต่อมาเขาก็บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า “จะเป็นเมื่อใดนั้นผมจะไม่พูดหรอก เพราะผมไม่ชอบพูดเรื่องกำหนดเวลา”
ลือปารีสนำทีมเปิดฉากโจมตีซีเรียสัปดาห์นี้
เมื่อวันอังคาร (10) ทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกแผนการเยือนละตินอเมริกาเพื่อจะได้มีเวลาจัดการรับมือกับวิกฤตซีเรีย โดยมีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอังกฤษ กำลังคร่ำเคร่งหารือเกี่ยวกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดปลายสัปดาห์นี้ โดยมีปารีสเป็นแกนนำเพื่อทำลายคลังอาวุธเคมีของซีเรีย
ปฏิบัติการร่วมทางทหารที่มีฝรั่งเศสเป็นแกนนำจะเป็นการส่งสัญญาณถึงนานาชาติเกี่ยวกับการบังคับใช้ข้อห้ามใช้อาวุธเคมี รวมทั้งเป็นการเผชิญหน้ากับผู้สนับสนุนสำคัญของซีเรียคือ รัสเซียและอิหร่าน
ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อการใช้อาวุธเคมีโจมตีในเมืองดูมาของซีเรียเมื่อวันเสาร์ (7) ที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตกว่า 60 คน ถึงแม้รัฐบาลซีเรียยืนกรานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยว่า อเมริกา ฝรั่งเศส และอังกฤษกำลังพิจารณาทางเลือกทางทหารที่มีขอบเขตกว้างขวางกว่าการโจมตีฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของซีเรียด้วยขีปนาวุธยิงจากเรือพิฆาตสองลำอย่างที่ได้เคยกระทำเมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว หลังจากระบุในตอนนั้นว่ามีหลักฐานชี้ชัดว่ารัฐบาลซีเรียใช้ก๊าซซารินสังหารประชาชน
ทั้งนี้ ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร (10) ว่า กำลังหารือข้อมูลทางเทคนิคและยุทธศาสตร์กับอเมริกาและอังกฤษ และจะประกาศการตัดสินใจในเร็วๆ นี้ และว่าปฏิบัติการที่จะลงมืออาจเล็งเป้าหมายคลังอาวุธเคมีเพื่อไม่ให้ประธานาธิบดีอัสซาดสามารถใช้อาวุธเหล่านี้ได้อีกในอนาคต
วันเดียวกัน ทรัมป์เปิดทำเนียบขาวต้อนรับชัยค์ ทามิม บิน ฮามัด อัล ตานี ผู้ปกครองกาตาร์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า ตนและผู้นำสหรัฐฯ คิดตรงกันเรื่องซีเรียคือ ไม่ยอมรับอาชญากรสงครามและต้องจัดการเรื่องนี้ทันที
กาตาร์นั้นเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการทางอากาศสำคัญของอเมริกาในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจทำหน้าที่ประสานงานการโจมตีทางอากาศต่อซีเรีย
ขณะเดียวกัน องค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ประกาศส่งคณะตรวจสอบไปยังเมืองดูมาเร็วๆ นี้ หลังได้รับการร้องขอจากรัฐบาลซีเรียและรัสเซีย อย่างไรก็ดี ยังไม่มีความชัดเจนว่า ความเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้อเมริกาและพันธมิตรชะลอหรือล้มเลิกปฏิบัติการทางทหารหรือไม่
ที่วอชิงตัน ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาวแถลงว่า ทรัมป์ยกเลิกการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดทวีปอเมริกาที่เปรู รวมถึงการเยือนโคลอมเบียช่วงปลายสัปดาห์นี้ เพื่อบัญชาการการตอบโต้ซีเรีย
โดยนอกจากคร่ำเคร่งเจรจากับพันธมิตรแล้ว กองทัพอเมริกันยังตระเตรียมเพื่อรอรับคำสั่งโจมตีทุกขณะ ล่าสุดเรือพิฆาตติดขีปนาวุธโทมาฮอว์ก “ยูเอสเอส โดนัลด์ คุก” กำลังมุ่งหน้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าว 2 คนในรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า ประเด็นหลักที่หน่วยงานกลาโหมและข่าวกรองของอเมริกากำลังพิจารณาคือ ประสิทธิภาพของระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรีย และขอบเขตความช่วยเหลือและการจัดการ รวมทั้งการสั่งการของรัสเซียต่อปฏิบัติการต่อต้านภัยทางอากาศของซีเรีย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูโรคอนโทรล ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศของยุโรป เตือนสายการบินต่างๆ ให้ใช้ความระมัดระวังในเส้นทางบินเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออก เนื่องจากอาจมีการโจมตีทางอากาศในซีเรียเกิดขึ้นภายใน 72 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของรัสเซียนอกจากจะยืนกรานว่า การโจมตีในดูมาเป็นแค่ข่าวลวงของกลุ่มกบฏซีเรียแล้ว อเล็กซานเดอร์ ซาซิปกิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเลบานอน ยังให้สัมภาษณ์เมื่อค่ำวันอังคารว่า รัสเซียจะสอยขีปนาวุธของอเมริกันทุกลูกที่ยิงใส่ซีเรีย รวมทั้งทำลายฐานยิงของขีปนาวุธเหล่านั้น
ซาซิปกินสำทับว่า ตนเองเพียงย้ำคำประกาศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และผู้บัญชาการเหล่าทัพรัสเซียก่อนหน้านี้
อเมริกากับรัสเซียเผชิญหน้ากันในคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
ในวันอังคาร (10) เช่นกัน คณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ได้ประชุมหารือฉุกเฉินเกี่ยวกับการโจมตีในดูมาที่ทั้งรัสเซียและอเมริกาต่างเสนอญัตติของตนเอง และใช้สิทธิ์คัดค้านยับยั้งญัตติของอีกฝ่าย
นิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวหาว่า รัสเซียกำลังทำลายความน่าเชื่อถือของคณะมนตรีฯ ด้วยการวีโต้ข้อเสนอที่มีนัยของอเมริกาเกี่ยวกับซีเรีย พร้อมโจมตีว่า ข้อเสนอของมอสโกมุ่งปกป้องระบอบอัสซาด เนื่องจากตั้งเงื่อนไขว่า ผลการตรวจสอบกรณีการโจมตีในดูมาต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะมนตรีฯ ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้ตัวเองใช้สิทธิ์วีโต้ หากการตรวจสอบบ่งชี้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี
ด้านวาสสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น ตอบโต้ว่า ร่างญัตติของอเมริกาที่ต้องการรื้อฟื้นกลไกการตรวจสอบร่วมของนานาชาติในการตรวจสอบการโจมตีในดูมาและหาตัวคนทำนั้น เป็นเพียงข้ออ้างของตะวันตกเพื่อเริ่มปฏิบัติการโจมตีซีเรีย