เอพี/เอเจนซีส์ – ในการขึ้นให้การนานร่วม 5 ช.มต่อหน้าคณะสมาชิกสภาสูงสหรัฐฯวันอังคาร(10 เม.ย) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก สวมสูทผูกไทยืนกล่าวขอโทษต่อความผิดพลาดของบริษัท ที่ไม่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ กระทบต่อยูสเซอร์เฟซบุ๊กชาวอเมริกันหลายสิบล้านถูกแอบล้วงข้อมูลส่วนตัวไปเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง ในวันเดียวกัน ซัคเคอร์เบิร์กยอมรับว่า บริษัทเฟซบุ๊คร่วมมือกับทีมสอบสวนอัยการพิเศษสหรัฐฯ โรเบิร์ต มุลเลอร์ คดีรัสเซียยุ่งการเมืองสหรัฐฯแต่ไม่เปิดเผยในรายละเอียด
เอพีรายงานวันนี้(11 เม.ย)ว่า ในระหว่างการขึ้นให้การต่อหน้าสมาชิกสภาสูงสหรัฐฯเป็นเวลา 5 ช.มเมื่อวันอังคาร(10)ล่าสุดที่เดอะแคปิตอล ฮิล รัฐสภาคองเกรส มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัทเฟซบุ๊กต้องขอโทษอยู่หลายครั้ง หลังจากโดนสว.สหรัฐฯตั้งคำถามดุเดือดถึงความล้มเหลวของบริษัทที่ไม่สามารถปกป้องความลับส่วนตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวอเมริกันได้
ซึ่งในการขึ้นให้ข้อมูล ซัคเคอร์เบิร์กยังเปิดเผยต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกว่า ในขณะนี้บริษัทเฟซบุ๊กของเขากำลังร่วมมือกับทีมสอบสวนอัยการพิเศษสหรัฐฯ โรเบิร์ต มุลเลอร์ คดีรัสเซียเข้ามาพัวพันการเลือกตั้งสหรัฐฯปี 2016
โดยทางซัคเคอร์เบิร์กกล่าวต่อว่า บริษัทเฟซบุ๊กของเขากำลังทำงานอย่างหนักในความพยายามที่จะเปลี่ยนระบบปฎิบัติการของตัวเอง เกิดขึ้นหลังจากบริษัทวิจัยข้อมูลที่ถูกจ้างโดยทีมหาเสียงโดนัลด์ ทรัมป์ แอบรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมาก
เอพีรายงานว่า ในการขึ้นให้การวันแรกต่อสภาสูงสหรัฐฯ ดูเหมือนซัคเคอร์เบิร์กจะสามารถเอาตัวไปได้ถึงแม้ต้องตอบคำถามจากสว. จอห์น ทัน(John Thune) จากรัฐเซาท์ ดาโกตา พรรครีพับลิกันที่กล่าวกับซัคเคอร์เบิร์กอย่างตรงไปตรงมาว่า บริษัทเฟซบุ๊กมีประวัติศาสตร์นาน 14 ปีต่อการขออภัยในการตัดสินใจผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ “ดังนั้นการขออภัยในวันนี้จะต่างออกไปอย่างไร”
ซัคเคอร์เบิร์กวัย 33 ปีตอบกลับมาว่า “ทางเรามีความผิดพลาดมากมายในการดำเนินงานบริษัท” ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กยอมรับ และเสริมว่า ทางเฟซบุ๊กต้องทำงานอย่างหนักมากขึ้นเพื่อทำให้มั่นใจว่าเครื่องมือที่ได้สร้างขึ้นนั้นถูกใช้ในที่ถูกทาง และอย่างเป็นประโยชน์
หรือจากสว.เท็ด ครูซ (Ted Cruze) รัฐเทกซัสที่ถามเขาว่า เขาเชื่อว่าเฟซบุ๊กนั้นเป็นระบบที่มีความเป็นกลางหรือไม่ โดยครูซชี้ว่า ซัคเคอร์เชื่อหรือไม่ว่าแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กของเขาเปิดโอกาสให้ "ทุกคน" สามารถแสดงความเห็นได้หรือไม่
ทั้งนี้หลังจากที่มีข่าวฉาวถึงข้อมูลผู้ใช้กว่า 87ล้านของทางเฟซบุ๊กรั่วไหล ส่งผลทำให้หุ้นของทางเฟซบุ๊กร่วงลงทันที แต่ดูเหมือนว่า ทางซัคเคอร์เบิร์กจะสามารถประสบความสำเร็จในมาตรการที่ออกมาหยุดการไหลรูดลงของราคาหุ้น เอพีชี้ เพราะพบว่า ภายในวันเดียว หุ้นเฟซบุ๊กดีดตัวขึ้น 4.5% ถือเป็นการขึ้นครั้งใหญ่ในรอบ 2 ปี
ซึ้งในการขึ้นให้ปากคำต่อหน้าสมาชิกสภาสูงสหรัฐฯเมื่อวานนี้(10) พบว่าซัคเคอร์เบิร์กทิ้งเสื้อยืด หรือเสื้อแบบมีฮูดและกางเกงยีนส์ตามปกติ หันมาสวมสูทและเนคไทที่เคร่งขรึมแทน แต่ทว่าการขึ้นให้ปากคำต่อสภาคองเกรสของซัคเคอร์เบิร์กยังไม่เสร็จสิ้น เพราะเขาต้องกลับมาตอบคำถามต่อสมาชิกสภาล่างสหรัฐฯในวันพุธ(11)
ทั้งนี้สำหรับในส่วนของคดีรัสเซียยุ่งการเมืองสหรัฐฯ ซึ่งตกเป็นที่สนใจในวอชิงตันเป็นเวลาหลายเดือน มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เปิดเผยว่า ***เขายังไม่ได้ถูกเรียกเพื่อสอบปากคำจากทีมเจ้าหน้าที่สอบสวนของอัยการพิเศษ มุลเลอร์ *** “แต่ผมรู้ว่า เรากำลังร่วมมือกับพวกเขา” ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวโดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม โดยชี้ไปถึงเป็นความลับในการสอบสวน
และทางซัคเคอร์เบิร์กยังกล่าวไปถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเมืองเคมบริดจ์ แอนาไลติกาที่ถูกจ้างโดยทีมหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ว่า ทางเฟซบุ๊กถูกทำให้หลงผิดไปว่า บริษัทแห่งนี้ได้ทำการลบข้อมูลผู้ใช้ที่ทางบริษัทรวบรวมมาได้ในมือ “และนั่นเป็นความผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด” ซัคเคอร์เบิร์กยอมรับอีกครั้ง
ในการเปิดเผย ผู้บริหารบริษัทเฟซบุ๊กกล่าวว่า ทางบริษัทมองประเด็น “การดูดข้อมูลผู้ใช้” เป็นเหมือน คดีภายใน และทำให้ทางเฟซบุ๊กไม่แจ้งต่อคณะกรรมการด้านการค้าของสหรัฐFCC (Federal Communications Commission) อย่างไรก็ตาม ซัคเคอร์เบร์กให้คำมั่นต่อสมาชิกสภาสูงสหรัฐฯว่า เฟซบุ๊กจะจัดการแก้ปัญหาที่ต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอนในเวลานี้
เอพีชี้ว่า ดูเหมือนว่า ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กวัย 33 ปี ในวันอังคาร(10) พยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะอีกครั้ง และในขณะเดียวกันเขาพยายามกันไม่ให้หน่วยงานกำกับรัฐบาลกลางสหรัฐฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนพยายามกล่าวถึง
โดยในมาตรการแก้ปัญหาโดยสรุปของทางเฟซบุ๊กถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวว่า ทางเฟซบุ๊กได้ใช้มาตรการเพื่อจำกัดบุคคลภายนอกในการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้เฟซบุ๊ก นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า ในเวลานี้ทางเฟซบุ๊กกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบทุกแอพที่อยู่บนแพลตฟอร์มที่ได้เข้าถึงข้อมูลจำนวนมหาศาลก่อนที่ทางบริษัทจะตัดสินใจที่จะปิดกั้นการเข้าถึงเช่นนั้น เหมือนเช่นที่เคยมีปรากฏเมื่อครั้งปี 2014 แต่ทว่าเป็นการตัดสินใจที่ช้าเกินไปสำหรับเฟซบุ๊กต่อเคสของเคมบริดจ์ แอนาไลติกา ซัคเคอร์เบิร์กกล่าว
