เอเจนซีส์ – เครมลินกล่าวหาวอชิงตันไม่ยอมเผชิญหน้าความจริง บอกไม่มีหลักฐานว่ามีการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในเมืองดูมา ตามที่กบฎซีเรียระบุและสหรัฐฯกับยุโรปก็รีบร่วมโหมประโคมโดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบยืนยันจากฝ่ายอิสระ ขณะที่จีนออกมาขวางปฏิบัติการทางทหารอีกแรง หลังทรัมป์ประกาศจะตัดสินใจมาตรการตอบโต้เล่นงานดามัสกัสในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ดมิตริ เพสคอฟ โฆษกเครมลิน แถลงในวันอังคาร (10 เม.ย.) ว่า บางประเทศซึ่งรวมถึงอเมริกา มีจุดยืนที่ไม่สร้างสรรค์ ตั้งสมมุติฐานเอาไว้ก่อนอย่างมีอคติ โดยปฏิเสธที่จะเผชิญหน้ากับความจริง เขากล่าวต่อไปว่า ประเทศเหล่านั้นไม่ได้พูดถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดการสอบสวนอย่างปราศจากอคติ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง และว่า แม้มีตัวเลือกจำกัดแต่รัสเซียจะเดินหน้าแนวทางทางการทูตต่อไป
ในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน สำนักข่าวของทางการซีเรียรายงานว่า รัฐบาลดามัสกัสได้เชื้อเชิญให้องค์การเพื่อการห้ามอาวุธเคมี (โอพีซีดับเบิลยู) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังการใช้อาวุธเคมีทั่วโลก ส่งทีมงานค้นหาข้อเท็จจริง เข้ามายังเมืองดูมา ซึ่งเป็นเมืองที่ยังคงอยู่ความครอบครองของฝ่ายกบฎ ในบริเวณกูตาตะวันออก ที่อยู่ใกล้ๆ กรุงดามัสกัส และฝ่ายกบฏอ้างว่าเมืองนี้ถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีหลายๆ จุดในคืนวันเสาร์ (7) ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน
คำแถลงของเพสคอฟและรายงานข่าวของรัฐบาลซีเรียนี้ มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ (9) ว่า การโจมตีด้วยอาวุธเคมีจะต้องถูกตอบโต้อย่างรุนแรง และส่งสัญญาณว่า อาจตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
วันเดียวกันนั้น วาสสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ เตือนว่า การใช้กำลังทหารต่อซีเรียเป็นการกระทำที่อันตรายมาก
นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมแดนหมีขาวยังระบุว่า คลิปเหยื่อที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีในเมืองดูมาคืนวันเสาร์ (7) เป็นข่าวปลอม ซึ่งนี่อยู่ในแนวทางเดิมๆ ของมอสโกที่มักอ้างว่า กลุ่มกบฏซีเรียพยายามใช้วิธีต่างๆ เพื่อบ่อนทำลายความน่าเชื่อของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียที่รัสเซียให้การสนับสนุนอยู่
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเสริมว่า พวกผู้เชี่ยวชาญของตนได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลหลายแห่งในดูมา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏซีเรียในเขตกูตาตะวันออก แต่ไม่พบหลักฐานการโจมตีด้วยอาวุธเคมีแต่อย่างใด
มิคาอิล บ็อกดานอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคารว่า มีการเสกสรรปั้นเรื่องเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรียซึ่งถือว่า อันตรายมาก
ทางด้านกรุงปักกิ่งในวันอังคาร เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า จีนคัดค้านการใช้กำลังทหารหรือการขู่ใช้กำลังทหารในซีเรีย และว่า ก่อนที่จะมีการสอบสวนอย่างครอบคลุมและเป็นกลาง ฝ่ายใดๆ ก็ตามไม่ควรด่วนตัดสินและสุ่มสรุปสถานการณ์ดังกล่าวในซีเรีย
รายงานระบุว่า ขณะนี้องค์การโอพีซีดับเบิลยู กำลังพยายามวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในดูมาด้วยการตรวจตัวอย่างเลือดเหยื่อและสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์นอกซีเรีย อย่างไรก็ดี องค์การแห่งนี้ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซียและซีเรียให้เดินทางไปตรวจสอบที่ดูมา โดยก่อนหน้านี้ คณะตรวจสอบอาวุธเคยถูกโจมตีในซีเรียมาแล้วสองครั้งระหว่างการตรวจสอบสถานที่ที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีในปี 2013
ทั้งนี้ ในวันอังคาร คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีกำหนดลงมติในญัตติของอเมริกาซึ่งมีเนื้อหาให้เปิดการสอบสวนกรณีการใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือนในเมืองดูมา แต่คาดว่า รัสเซียจะใช้สิทธิ์วีโต้
อย่างไรก็ตาม อเมริกาที่มีอังกฤษและฝรั่งเศสสนับสนุน ประกาศว่า พร้อมจัดการกับซีเรียไม่ว่ายูเอ็นจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ ภายหลังประชุมกับผู้นำทางทหารและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติว่า จะตัดสินใจ “เรื่องสำคัญ” ภายใน 24-48 ชั่วโมงและว่า มีทางเลือกทางทหารมากมายที่สามารถใช้ได้
ผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศว่า จะตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการโจมตีด้วยก๊าซคลอรีนในดูมาที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 60 คนและบาดเจ็บอีกกว่า 1,000 คน และเมื่อถูกซักถามว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า อาจจะ ถ้าผู้นำรัสเซียเกี่ยวข้องด้วย
เบนจามิน กรีโวซ์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสเตือนว่า จะแก้แค้นรัฐบาลอัสซาด หากหลักฐานบ่งชี้ว่า ดามัสกัสอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว และสำทับว่า ข่าวกรองที่ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง และทรัมป์ได้รับ ยืนยันได้ในทางทฤษฎีว่า มีการใช้อาวุธเคมีจริง
ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสยังเผยว่า ทรัมป์หารือทางโทรศัพท์กับมาครงครั้งที่สองในรอบสองวันเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย และทั้งคู่ต้องการให้นานาชาติตอบโต้การละเมิดการใช้อาวุธเคมีนี้อย่างแข็งกร้าว
ขณะเดียวกัน บอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ หารือกับรักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเห็นพ้องว่า การโจมตีที่เมืองดูมามีบางสิ่งที่พ้องกับการโจมตีด้วยอาวุธเคมีของรัฐบาลอัสซาดก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เดือนเมษายนปีที่แล้ว ทรัมป์ส่งขีปนาวุธ 1 ลูกถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย หลังการตรวจสอบของยูเอ็นพบว่า รัฐบาลอัสซาดใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนของตนเองในช่วงก่อนหน้านั้น
อย่างไรก็ตาม การสั่งสอนดังกล่าวถึงแม้ไม่ได้ชักนำให้อเมริกาถลำเข้าสู่สงครามกลางเมืองซีเรีย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซีเรีย รวมทั้งผู้สนับสนุนหลักอย่างรัสเซียและอิหร่าน ยกเลิกการกวาดล้างกลุ่มกบฏแต่อย่างใด