เอเจนซีส์ - วอชิงตันกระมิดกระเมี้ยนแบะท่ายินดีเจรจาเพื่อขจัดข้อพิพาททางการค้า หลังปักกิ่งสวนกลับทันควันด้วยการประกาศรายชื่อสินค้าขาเข้าอเมริกัน 50,000 ล้านดอลลาร์ที่จะถูกเพิ่มภาษีศุลกากร มูลค่าเท่าๆ กับผลิตภัณฑ์แดนมังกรซึ่งสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเตรียมเอาไว้ ขณะเดียวกัน ทูตจีนดักคอเรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวไม่ดังแน่ ทางด้านนักวิเคราะห์มองว่าหากที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ผู้ผลิตจากชาติอื่นอาจมีโอกาสสวมรอยเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอเมริกัน ตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ของไทยที่ปีที่ผ่านมาส่งออกไปเมืองลุงแซมมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 4 เท่าตัวของสินค้าประเภทเดียวกันจากจีน
เพียง 11 ชั่วโมงหลังจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอขึ้นภาษี 25% ต่อสินค้าจีน 1,300 รายการในภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยี ขนส่ง และการแพทย์ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อลงโทษที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและบีบบังคับให้บริษัทอเมริกันถ่ายโอนเทคโนโลยีให้นั้น ปักกิ่งโต้ตอบทันควันเมื่อวันพุธ (4 เม.ย.) ด้วยรายชื่อสินค้าอเมริกันที่จะถูกขึ้นภาษี ซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง เครื่องบิน รถยนต์ เนื้อ และเคมีภัณฑ์ ฯลฯ
มาตรการโต้กลับอย่างรวดเร็วและรุนแรงของจีนเพิ่มความเสี่ยงที่ข้อพิพาทระหว่างสองมหาอำนาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคณะบริหารสหรัฐฯ พยายามส่งสัญญาณว่า ต้องการเจรจามากกว่าเปิดศึก
ตัวอย่างเช่นเมื่อถูกนักข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า มาตรการภาษีที่อเมริกาประกาศล่าสุดในวันอังคาร (3) อาจไม่มีการบังคับใช้จริงแต่เป็นแค่ยุทธวิธีปลุกเร้าการเจรจา แลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจระดับสูงของทรัมป์ ก็ตอบชัดเจนว่า เป็นไปได้และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ทั้งยังบอกว่า มาตรการที่ทั้งจีนและอเมริกาประกาศออกมานั้นเป็นแค่การเปิดเผยข้อเสนอของแต่ละฝ่าย ตัวเขาเองไม่คิดว่า จะเกิดสงครามการค้า แต่คงจะมีการเจรจากันอย่างเข้มข้นจนกระทั่งบรรลุข้อตกลงมากกว่า
คุดโลว์ยังเชื่อว่า จีนจะอ่อนลงและยอมร่วมมือกับอเมริกาในที่สุด
ทว่า ชุย เทียนไข่ เอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตัน กล่าวภายหลังหารือกับจอห์น ซัลลิแวน รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่า การเจรจายังคงเป็นทางเลือกหลักของจีน แต่จะให้ปรบมือข้างเดียวคงไม่ดัง และจีนจะรอดูว่า อเมริกาจะเอาอย่างไร
ทั้งนี้ บัญชีรายชื่อสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายประกาศยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ทันที จึงยังมีโอกาสสำหรับการต่อรองกัน โดยในส่วนของอเมริกานั้นต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนซึ่งคาดว่า จะใช้เวลาราว 2 เดือน สำหรับจีนบอกว่า จะบังคับใช้เมื่อมาตรการของอเมริกามีผลแล้ว
งานนี้จึงดูเหมือนต่างฝ่ายยังรอดูเชิงกัน โดยซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันพุธ (4) ว่า การบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของจีน
ส่วนทรัมป์ทวีตว่า อเมริกาไม่ได้ทำสงครามการค้ากับจีนอยู่ในตอนนี้ แต่เคยแพ้ให้จีนเมื่อหลายปีก่อนจากกลุ่มบุคคลที่โง่เขลาไร้ความสามารถที่เป็นตัวแทนของอเมริกา
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ประกาศว่า สงครามการค้าเป็นสิ่งที่ดีและอเมริกาสามารถชนะอย่างง่ายดาย ทว่า แม้แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันด้วยกันยังไม่เห็นด้วย
มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากเคนทักกี รัฐที่ผลิตยาสูบและวิสกี้ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในบัญชีสินค้าที่จีนจะขูดภาษีตอบโต้นั้น แสดงความกังวลกับแนวโน้มที่คณะบริหารมีความพยายามมากขึ้นที่จะใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือต่อสู้ อาจกลับกลายทำให้อเมริกาเพลี่ยงพล้ำกว่าเก่า และ ชัค กราสลีย์ ส.ว.รีพับลิกันจากไอโอวา รัฐผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายสำคัญเช่นกัน สำทับว่า เกษตรกรไม่ควรต้องแบกรับภาระจากมาตรการตอบโต้ของคณะบริหารแทนคนทั้งประเทศ
ด้าน เจมส์ บัลลาร์ด ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซนต์หลุยส์ เตือนว่า สงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจอเมริกาสะดุด
ทั้งนี้ สินค้าอเมริกันที่มีแนวโน้มถูกรีดภาษีรวมถึงรถไฟฟ้าของเทสลา, รถลินคอล์นของฟอร์ด มอเตอร์, เครื่องบินส่วนตัวรุ่นกัลฟ์สตรีมของเจเนอรัล ไดนามิกส์ และวิสกี้ แจ็ก แดเนียลส์ ของบริษัท บราวน์-ฟอร์แมน
ขณะเดียวกัน พวกนักวิเคราะห์ชี้ว่า มาตรการลงโทษของวอชิงตันต่อสินค้าเมด อิน ไชน่า อาจเปิดช่องให้สินค้าจากชาติอื่นสวมรอยเข้าไปคว้าส่วนแบ่งตลาดในอเมริกา เช่น ทีวีจอแบนของเม็กซิโกที่ปีที่แล้วส่งไปขายในสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์ และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ของไทยที่ส่งออกไปเมืองลุงแซมมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ หรือ 4 เท่าตัวของสินค้าประเภทเดียวกันจากจีน