รอยเตอร์ - อับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารและประธานาธิบดีอียิปต์ ได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศต่ออีกสมัย ด้วยคะแนนโหวตถึง 97% เท่ากับที่อดีตผู้บัญชาการกองทัพรายนี้เคยได้ในสมัยแรกเมื่อ 4 ปีก่อน ทว่าในศึกเลือกตั้งหนล่าสุดมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงต่ำกว่าเดิม จากผลอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่ในวันจันทร์(2เม.ย.)
มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 41% แม้มีความพยายามต่างๆนานาในการเรียกชาวอียิปต์เดินเข้าคูหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ระหว่างการลงคะแนน 3 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วและสิ้นสุดในวันพุธที่ 28 มีนาคม และหลังจากนั้นผลการเลือกตั้งเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ซิซี จะได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ท้าชิงเพียงหนึ่งเดียว แถมยังประกาศตัวว่าเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของ ซิซี เสียอีก หลังจากผู้สมัครฝ่ายค้านคนอื่นๆยุติการหาเสียงไปในเดือนมกราคม โดยผู้ท้าชิงหลักถูกจับกุมและผู้จัดการทีมหาเสียงของเขาโดนทุบตีทำร้าย ส่วนผู้สมัครคนอื่นๆพากันทยอยถอนตัว อ้างว่าถูกข่มขู่
ซิซีบอกว่าเขาอยากเห็นคนอื่นๆมาลงสมัครชิงชัยมากกว่านี้และเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการถอนตัวของฝ่ายค้าน ในขณะที่คณะกรรมการเลือกตั้งบอกว่าการโหวตครั้งนี้เป็นไปอย่างอิสระและยุติธรรม ระหว่างแถลงผลการเลือกตั้งผ่านสถานีโทรทัศน์ในวันจันทร์(2เม.ย.)
ซิซี ได้คะแนนโหวตทั้งสิ้น 21.8 ล้านเสียง ส่วน มุสซา โมสตาฟา มุสซา ได้ไป 656,534 เสียง ซึ่งน้อยกว่าจำนวนบัตรเสีย 1.8 ล้านใบเสียอีก
อย่างไรก็ตามจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ระดับต่ำ อาจก่อความเสียหายแก่ ซิซี เนื่องจากเขาเคยบ่งชี้ก่อนศึกเลือกตั้งว่าเขามองว่าศึกเลือกตั้งครั้งนี้เปรียบเสมือนการลงประชามติตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ในขณะที่เมื่อปี 2014 มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 47%
สื่อมวลชนแห่งรัฐวาดภาพความล้มเหลวของศึกเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็นการทรยศต่ออียิปต์ ในขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นและนานาชาติหลายแห่งรายงานอ้างผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบางคนบอกว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอจูงใจต่างๆนานาให้ลงไปคะแนน ในรูปแบบของเงินและอาหาร แต่ไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนยื่นข้อเสนอเหล่านั้น
พวกนักวิจารณ์ชี้ว่าคะแนนนิยมของ ซืซี กัดกร่อนลงไปท่ามกลางการปฏฺิรูปเศรษฐกิจอันเข้มข้น ซึ่งส่งผลให้ชีวิตของชาวอียิปต์ส่วนใหญแย่ลง และรวมถึงการเดินหน้าปราบปรามผู้ขัดขืนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ซิซี นำกองทัพก่อรัฐประหารโค่นอำนาจ โมฮัมเหม็ด มอร์ซี แห่งภราดรภาพมุสลิม ประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีคนแรกของอียิปต์ เมื่อปี 2013 หลังจากเกิดการประท้วงใหญ่ต่อต้าน มอร์ซี จากนั้นในปีต่อมา เขาก็คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้้วนคะแนนโหวต 97%
สหประชาชาติแสดงความกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามพวกผู้ขัดขืน ในนั้นรวมถึงสื่อมวลชน ซึ่งยังคงเกิดขึ้นจนถึงก่อนหน้าศึกเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตามพันธมิตรตะวันตกและในภูมิภาคของซิซี ต่างปิดปากเงียบเกี่ยวกับประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนในอียิปต์