เอเอฟพี/เอพี/MGR ออนไลน์ - รัฐบาลซีเรียประกาศชัยชนะยึดเขตกูตาตะวันออกจากกลุ่มกบฎวันเสาร์ (31 มี.ค.) หลังยึดได้เกิน 95% ด้านสื่อทางการดามัสกัสรายงานวันจันทร์ (2 เม.ย.) พบสมาชิกนักรบกลุ่มกบฏ เญซุลอิสลาม (Jaish al-Islam)และครอบครัวเริ่มต้นเดินทางออกนอกพื้นที่โดมา (Douma) ในขณะที่เด็กชายชาวซีเรียในกูตาตะวันออก วัย 15 ปีที่มีผมบลอนด์และผิวขาว มูฮัมเหม็ด นาเจิม (Muhammed Najem) รายงานถึงประสบการณ์ของตัวเองผ่านยูทูบต้องอพยพออกมาในวันอาทิตย์ (1 เม.ย.) เพื่อมุ่งหน้าไปยัง จ.อิดลิบ โดยในระหว่างทาง ขบวนรถบัสต้องผ่านจุดตรวจของตำรวจรัสเซีย และมีเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียประกบขบวนไปตลอดทาง
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (2 เม.ย.) ว่า ซีเรียเข้าใกล้จะสามารถควบคุมพื้นที่เขตกูตาตะวันออกได้ทั้งหมด เกิดขึ้นหลังจากสื่อทางการดามัสกัสรายงานว่า สมาชิกกบฏซีเรียและครอบครัวเริ่มเดินทางออกนอกพื้นที่ฐานที่มั่นสุดท้ายใกล้กับกรุงดามัสกัสแล้ว
ทั้งนี้ ก่อนหน้าในวันอาทิตย์ (1) มีรายงานออกมาถึงข้อตกลงที่มีรัสเซียเป็นคนกลาง เสนอให้นักรบกลุ่มกบฎที่ใหญ่ที่สุดที่ยังคงอยู่ในเขตกูตาตะวันออก เญซุลอิสลาม (Jaish al-Islam)ให้ยอมเดินทางออกมาจากเมืองโดมา
แต่ทว่ากลุ่มกบฎยังไม่ได้ออกมายืนยันในเรื่องนี้ ท่ามกลางรายงานออกมาถึงความแตกแยกเป็นฝักฝ่ายที่พบว่า ฝ่ายสายเหยี่ยวปฏิเสธที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่ไป
เอเอฟพีชี้ว่า การสามารถยึดกูตาตะวันออกกลับมาได้สำเร็จ จะถือเป็นก้าวความสำเร็จครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล อัสซาด ในความพยายามที่จะยึดพื้นที่ซีเรียกลับคืนกับกลุ่มกบฎหลังจากสงครามกลางเมืองซีเรียเกิดขึ้นนานร่วม 7 ปี ซึ่งในขณะนี้พบว่ากองกำลังของอัสซาดสามารถยึดพื้นที่กูตาตะวันออกได้แล้วถึง 95% นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา สังหารพลเรือนไป 1,600 คน และทำให้มีประชาชนต้องพลัดถิ่นร่วมหลายหมื่นคน
เอพีรายงานเมื่อวานนี้ (1) ว่า รัฐบาลซีเรียประกาศชัยชนะเหนือพื้นที่กูตาตะวันออกวันเสาร์(31 มี.ค) โดยในแถลงการณ์ของกองทัพซีเรียกล่าวว่า “ความสำคัญของชัยชนะในครั้งนี้สอดคล้องไปกับการนำสถียรภาพและความมั่นคงกลับคืนสู่กรุงดามัสกัสและพื้นที่โดยรอบ หลังจากต้องประสบกับประชาชนของตัวเองจากอาชญากรรมของกลุ่มก่อการร้ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” พลจัตวา อาลี เมย์ฮับ (Ali Mayhoub) อ่านแถลงการณ์ผ่านทางการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลซีเรีย อ้างอิงจากเอพี รายงานว่า มีรถบัสจำนวน 38 คันเดินทางออกมาจากเมืองซามัลกา (Zamalka) เมืองอิน ทาร์มา (Ein Tarma) เมืองอาร์บีน (Arbeen)และเมืองโจบาร์ (Jobar) นำสมาชิกกบฏมากกว่า 1,700 คนและพลเรือนไปยัง จ.อิดลิบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งยังเป็นพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฎ
ทางสถานีโทรทัศน์ซีเรียรายงานว่า กองกำลังรัฐบาลซีเรียเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่เมือง และได้ชักธงชาติซีเรียขึ้นกลางจัตุรัสเมืองอาร์บีน
ความเคลื่อนไหวในวันอาทิตย์ (1) พบว่าทางกองทัพซีเรียได้เปิดเครือข่ายถนนหลักและถนนไฮเวย์ที่เชื่อมระหว่างกรุงดามัสกัสเข้ากับภูมิภาคอื่นของซีเรียให้สามารถใช้สัญจรได้อีกครั้ง หลังจากถูกปิดตายมาตั้งแต่ปี 2002 เมื่อครั้งที่กลุ่มกบฏสามารถยึดพื้นที่ชานเมืองกรุงดามัสกัสได้สำเร็จ เอพีรายงาน
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ (2) สื่อรัฐบาลซีเรียรายงานว่า ขบวนรถบัสได้นำนักรบกลุ่มเญซุลอิสลามและครอบครัวเดินทางออกจากเมืองโดมา ในการเตรียมพร้อมเพื่อถูกเคลื่อนย้ายต่อไปยังจาราบูลัส( Jarabulus)
สำนักข่าวซานาระบุว่า มีรถบัสจำนวน 6 คันเดินทางออกไปจากเมืองโดมา ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งฝ่ายกบฎสามารถยึดได้เพียงแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้นหลังจากที่ทางฝ่ายดามัสกัสเริ่มต้นปฎิบัติการ
ทั้งนี้ ในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (1) สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียได้รายงานการให้สัมภาษณ์ของ พลเอกยูริ เยฟตูเชนโก (Yuri Yevtushenko) ที่กล่าวว่า “ได้มีข้อตกลงเบื้องต้นเกิดขึ้นในการอนุญาตอพยพนักรบกลุ่ม เญซุลอิสลาม ออกนอกพื้นที่กูตาตะวันออก”
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มเคยออกมาประกาศว่าจะไม่ยอมออกไปจากเมืองโดมา และกลุ่มสังเกตการณ์ซีเรียเพื่อสิทธิมนุษยชน SOHR ที่มีฐานอยู่ในกรุงลอนดอน รายงานว่า มีการแบ่งแยกเป็นฝักฝ่ายภายในกลุ่มกบฏ
นอกจากนี้ วิดีโอคลิปของทางกลุ่มที่ออกมาในวันอาทิตย์ (1) เป็นภาพผู้นำกลุ่ม เญซุลอิสลามได้กล่าวต่อกลุ่มนักรบที่อยู่ในมัสยิดว่า “เราจะยังคงปักหลักอยู่ในเมืองนี้ต่อไป ไม่หลบหนีไปไหน และคนที่ต้องการจะหนีขอให้ออกไป”เอสซาม อัล-บิวดาน (Essam al-Buidan )หัวหน้ากลุ่มกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นวันนี้ (2) นักข่าวเอเอฟพีในพื้นที่สังเกตเห็นกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กๆ เดินออกมาจากรถบัสในพื้นที่ของคาลาต อัล-มาดิค (Qalaat al-Madiq) ในย่านใจกลาง จ.ฮามา ซึ่งถือเป็นจุดที่จะเดินทางต่อไปยัง จ.อิดลิบ
MGR ออนไลน์พบการรายงานการเดินทางออกจากเขตกูตาตะวันออกของชาวเมืองในพื้นที่ ที่พบว่ามีผู้รายงานเป็นเด็กชายชาวซีเรียอายุ 15 ปี ชื่อ มูฮัมเหม็ด นาเจิม(Muhammed Najem) รายงานสดผ่านวิดีโอคลิปจากช่องยูทูปของตัวเอง ถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทางย้ายออกไปจากเขตกูตาตะวันออกเมื่อวานนี้ (1)
โดยในวิดีโอคลิปแสดงถึงขบวนรถบัสจอดเรียงเป็นแนวยาว ซึ่งตัวนาเจิมที่แต่งตัวทะมัดทะแมงในชุดสีดำสำหรับการเดินทาง สะพายเป้หลัง และหมวกเบสบอลสีแดงสด กล่าวผ่านกล้องในภาษาท้องถิ่นท่ามกลางกผู้คนจำนวนมากที่ต่างมีสัมภาระไปพร้อมกัน
ภาพจากวิดีโอคลิปแสดงสภาพในพื้นที่เขตกูตาตะวันออก ซึ่งตัวเด็กชายกล่าวว่า เขากำลังอพยพไปยัง จ.อิดลิบ ตลอดข้างทางที่รถบัสของนาเจิมผ่าบ พบซากปรักหักพังและรกร้างของเมืองและพื้นที่ต่างๆ รวมไปถึงแปลงผักสีเขียว โดยทางเด็กชายได้จั่วหัวข้อยูทูบของวันอาทิตย์(1)ว่า “การเดินทางตั้งแต่ออกจากกูตาตะวันออกไปจนถึงอิดลิบ และเราจะข้ามรัสเซียได้อย่างไร”
และบนทวิตเตอร์ที่นาเจิมเขียนในวันอาทิตย์ (1) เช่นกัน เขากล่าวเป็นภาษาอังกฤษแสดงความรู้สึกว่า การเดินทางออกไปจากพื้นที่กูตาตะวันออกนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก ถนนเส้นที่จะไปถึงอิดลิบได้นั้นยากลำบาก และพบว่ามีตำรวจรัสเซียตั้งด่านตรวจ
“ผมกลัวมากเมื่อต้องผ่านจุดตรวจความปลอดภัยของพวกตำรวจรัสเซีย ซึ่งขบวนรถของพวกเรานั้นถูกประกบโดยเฮลิคอปเตอร์รัสเซีย 1 ลำไปตลอดทาง” มูฮัมเหม็ด นาเจิม กล่าว
ทั้งนี้พบว่า มูฮัมเหม็ด นาเจิม ตกเป็นที่สนใจของสื่อรอบโลกไม่ว่าจะเป็น CNN นิตยสารเดอะวีค หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ หรือแม้แต่สื่อธุรกิจเช่น บิสซิเนสอินไซเดอร์ หลังจากที่เขาได้ทำตัวเป็นนักข่าวในพื้นที่รายงานสดออกมาจากพื้นที่กูตาตะวันออกเพื่อขอความช่วยเหลือหลังรัฐบาลซีเรียและรัสเซีย ใช้กำลังโจมตีทางอากาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บิสิเนสอินไซเดอร์ รายงานในวันที่ 28 ก.พ ว่า นาเจิมได้ทวีตภาพความเสียหายในพื้นที่หลังจากรัสเซียและรัฐบาลซีเรียโจมตีทางอากาศ โดยสื่อธุรกิจชี้ถึงการยืนยันตัวตนของนาเจิมว่า นักเคลื่อนไหวในพื้นที่สามารถให้การยืนยันได้ว่า*** มูฮัมเหม็ด นาเจิม เป็นชาวกูตาตะวันออกจริง ****
พบว่า เด็กชายชาวซีเรียรายนี้เริ่มต้นการทวีตเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธ.ค 2017 “ผมชื่อมูฮัมเหม็ด นาเจิม อายุ 15 ปี อาศัยอยู่ในเขตกูตาตะวันออก” และกล่าวต่อว่า “ผมจะขอชักชวนให้ทุกคนเห็นถึงทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จากฝีมือของรัฐบาลอัสซาดที่กระทำต่อกูตาตะวันออกผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กของตัวผมเอง”
ซึ่งตัวของนาเจิมซึ่งได้บอกว่า มีความฝันต้องการที่จะเป็นนักข่าว ได้โพสต์วิดีโอคลิปสะเทือนใจหลายชิ้น เป็นต้นว่า วิดีโอคลิปแสดงให้เห็นถึงเด็กและผู้ใหญ่ถูกสังหารในการโจมตีทางอากาศ ซึ่งมีบางส่วนที่นาเจิมกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนของเขาเอง
หนึ่งในวิดีโอที่แสดงความกล้าหาญของเขาที่ถูกโพสต์เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2018 เป็นภาพตัวเองกำลังยืนอยู่บนหลังคาตึก ท่ามกลางเสียงดังคล้ายกับว่าในระหว่างที่นาเจิมพูดนั้นมีการโจมตีเกิดขึ้น ซึ่งเขากล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า “พวกเราถูกฆ่าด้วยเสียงเงียบจากพวกคุณ” และกล่าวต่อว่า“บาชาร์ อัล-อัสซาด ปูติน..” บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า เสียงของเด็กชายขาดไปท่ามกลางเสียงดังที่เกิดจากระเบิดโจมตี ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ตัวเด็กชายนั้นสั่น แต่ยังสามารถพูดต่อได้ว่า“คาเมนี(ผู้นำสูงสุดอิหร่าน) คาเมนีฆ่าความเป็นเด็กของพวกเรา”