เอเอฟพี - รัสเซียในวันศุกร์ (30 มี.ค.) ดำเนินการขับไล่พวกนักการทูต 59 คนจาก 23 ประเทศ ในมาตรการตอบโต้ตะวันตกเป็นชุดๆ จากข้อพิพาทสายลับสองหน้ารัสเซียถูกวางยาในอังกฤษ ในความเคลื่อนไหวตะเพิดทูตแบบตาต่อตาฟันต่อฟันครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงความทรงจำเร็วๆนี้
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุในถ้อยแถลงว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้เรียกเอกอัครราชทูตจาก 23 ประเทศเข้าพบ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกอียู เพื่อแจ้งให้ทราบว่านักการทูตบางส่วนของพวกเขาจำเป็นต้องเดินทางออกนอกประเทศ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศต่างๆที่ถูกกระทรวงการต่างประเทศเข้าพบ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, อัลแบเนีย, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, โปแลนด์, เนเธอร์แลนด์, โครเอเชีย, ยูเครน, เดนมาร์ก, ไอร์แลนด์, สเปน, เอสโตเนีย, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, มาซิโดเนีย, มอลโดวา, โรมาเนีย, ฟินแลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, แคนาดาและสาธารณรัฐเช็ก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการแก้เผ็ดเหตุร่วมมือกันขับไล่นักการทูตรัสเซียของอังกฤษและพันธมิตร ที่กล่าวหามอสโกอยู่เบื้องหลังเหตุใช้สารทำลายระบบประสาทโจมตีอดีตสายลับสองหน้า เซียร์เก สกรีปัล และ ยูเลีย สกรีปัล ลูกสาวของเขา ที่เมืองซัลส์บิวรี ทางตอนใต้ของอังกฤษเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ขณะที่มอสโกปฏิเสธด้วยความเดือดดาลว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
“แน่นอนอยู่แล้ว มันไม่ได้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจเลย” สเตฟ บลอค รัฐมนตรีต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวผ่านโฆษกอ้างถึงกรณีที่นักการทูตของพวกเขา 2 คนถูกมอสโกขับไล่ พร้อมกับเรียกร้องรัสเซียให้ความร่วมมือกับการสืบสวนขององค์การห้ามอาวุธเคมี
ในส่วนของอังกฤษนั้น นอกจากถูกขับไล่นักการทูตแล้ว กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียยังขีดเส้นตายให้เวลาอังกฤษ 1 เดือน สำหรับลดจำนวนเจ้าหน้าที่ทูตในรัสเซียลงให้เท่ากับจำนวนนักการทูตรัสเซียที่เหลืออยู่ในอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอังกฤษยังยืนคำเดิมว่ารัสเซียกำลังทำผิดพลาด “มันไม่ได้เปลี่ยนข้อเท็จจริงของเรื่องนี้เลย นั่นคือมีความพยายามลอบสังหารบุคคล 2 รายบนแผ่นดินอังกฤษ ไม่อาจสรุปเป็นอย่างอื่นนอกจากรัฐรัสเซียควรถูกประณาม” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษกล่าว พร้อมเรียกความคืบหน้าของสถานการณ์ล่าสุดว่า “น่าเศร้าใจ”
“รัสเซียละเมิดกฎหมายระหว่งประเทศและอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมีอย่างโจ่งแจ้ง และความเคลื่อนไหวของประเทศต่างๆทั่วโลกแสดงให้เห็นว่านานชาติรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง” เธอกล่าว
เมื่อวันพฤหัสบดี (29 มี.ค.) มอสโกแถลงขับไล่นักการทูตสหรัฐฯ 60 คนและปิดสถานกงสุลในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ตอบโต้กรณีที่ถูกวอชิงตันขับไล่นักการทูตและปิดสถานกงสุลแห่งหนึ่งในอเมริกา
รวมแล้วมีนักการทูตรัสเซียมากกว่า 150 คนที่ถูกสั่งให้ออกนอกสหรัฐฯ, สมาชิกอียู, ชาติต่างๆ ในนาโต และประเทศอื่นๆ ซึ่งกล่าวหารัสเซียเกี่ยวข้องกับการวางยาสองพ่อลูกสกรีปัล
เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียบอกก่อนหน้านี้ว่ามอสโกจะตอบโต้ด้วยมาตรการตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่อาจไม่สมน้ำสมเนื้อ ในขณะที่เครมลินย้ำในวันศุกร์ (30 มี.ค.) ว่าพวกเขาไม่ต้องการเริ่มสงครามด้านการทูตกับตะวันตก “รัสเซียไม่ได้ระเบิดสงครามทางการทูต รัสเซียไม่ได้เป็นคนริเริ่มโต้ตอบมาตรการลงโทษกันไปมา”
ในวอชิงตัน ทางกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในวันพฤหัสบดี (29 มี.ค.) ว่าความเคลื่อนไหวของรัสเซียไม่สามารถหาข้ออ้างได้และบอกว่าอเมริกาขอสงวนสิทธิ์ในการตอบโต้ ส่วนโฆษกทำเนียบขาวบอกว่าการขับไล่ทูตสหรัฐฯ ของรัสเซียยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติเสื่อมทรามลง
รัสเซียระบุว่าทูต 58 คนจากสถานทูตสหรัฐฯ ในมอสโก และ 2 คนจากสถานกงสุลในเมืองเยคาเตรินเบิร์กต้องออกจากรัสเซียภายในวันพฤหัสบดีหน้า ส่วนสถานกงสุลใหญของสหรัฐฯ ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กต้องหยุดดำเนินงานในภายในเสาร์
มอสโกยังเตือนด้วยว่าพวกเขาจะใช้มาตรการลงโทษเพิ่มเติมในการตอบโต้สหรัฐฯ หากว่าวอชิงตันยังคงดำเนินการต่างๆ ที่เป็นปรปักษ์กับสถานทูตและสถานกงสุลของรัสเซีย