เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – อิสลามาบัดออกมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดแก่เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก มาลาลา ยูซาฟไซ ไม่เปิดเผยถึงตารางกำหนดการเดินทาง หรือแม้กระทั่งพิกัดที่เธออยู่ในระหว่างการเยือนปากีสถานเป็นครั้งแรกในรอบนาน 6 ปี
เอเอฟพีรายงานวันนี้(30 มี.ค)ว่า ถือเป็นงานยากสำหรับนักข่าวที่ต้องการทราบความเคลื่อนไหวของนักเคลื่อนไหวทางด้านการศึกษาแก่เด็กผู้หญิงทั่วโลก และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2014 มาลาลา ยูซาฟไซ วัย 20 ปี ซึ่งในวันศุกร์(30) ไม่มีใครทราบว่าเธอจะเดินทางไปไหน
ทั้งนี้ในการกล่าวแถลงการณ์ที่เต็มไปด้วยน้ำตาผ่านทางจอโทรทัศน์ในวันพฤหัสบดี(29) กล่าวกับชาวปากีสถานทั่วประเทศว่า “ถือเป็นความฝันของเธอที่ได้สามารถเดินทางกลับมาสู่บ้านเกิดได้อีกครั้ง”
แต่ท่ามกลางเสียงพิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความยินดีต้อนรับ กำหนดการเดินทางของยูซาฟไซในระหว่างอยู่ในปากีสถานกลับเป็นสิ่งที่ต้องปิดลับ เอเอฟพีชี้ ซึ่งแม้แต่กลุ่มบุคคลที่จะเข้าพบเธอจะล่วงรู้ก่อต่อเมื่อในวินาทีสุดท้าย
ทั้งนี้ถึงแม้ในระดับนานาประเทศ ยูซาฟไซถูกขึ้นชื่อเป็นตัวแทนด้านการศึกษาแก่เด็กหญิง แต่ทว่าภายในปากีสถานความเห็นถูกแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย ที่ในสายตาของฝ่ายอนุรักษ์มองยูซาฟไซว่า เป็นตัวแทนของโลกตะวันตกที่กำลังอยู่ในระหว่างภารกิจเพื่อทำให้ปากีสถานต้องอับอาย
ซึ่งในหน้าบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ปากีฯภาคภาษาอังกฤษกล่าวในฉบับวันนี้(30)ว่า “ปากีสถานไม่เคยปฎิบัติที่ดีต่อพลเมืองที่มีชื่อเสียงของตัวเอง” ซึ่งนอกจากยูซาฟไซแล้ว พบว่านักฟิสิกส์ชาวปากีฯ อับดุซ ซาลาม(Abdus Salaam)ถูกปฎิเสธด้วยข้อหามีเชื้อชาติเป็นพลเมืองชนกลุ่มน้อย อาห์มาดี(Ahmadi)
ด้านนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี นีกัต ดาด(Nighat Dad) กล่าวว่า กลุ่มรณรงค์เพื่อสิทธิสตรีทั่วปากีสถานไม่ได้รับการเปิดเผยล่วงหน้าว่าจะได้พบกับมาลาลา ยูซาฟไซจนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเข้าพบ
ดาดกล่าวว่า ผู้จัดซึ่งเป็นนักสร้างภาพยนตร์ระดับเจ้าของรางวัลออสการ์ ชาร์มีน โอเบด-ชีนอย(Sharmeen Obaid-Chinoy) ได้กล่าวกับตัวเองว่า “นี่จะถือเป็นสิ่งที่พิเศษสุดในปีนี้ของพวกคุณ”
เอเอฟพีรายงานว่า สำหรับกำหนดตารางของยูซาฟไซในวันศุกร์(30) ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีความเชื่อว่า บางทียูซาฟไซอาจจะเดินทางกลับไปพื้นที่สวาต(Swat)บ้านเกิด ซึ่งเป็นจุดที่เธอถูกกลุ่มติดอาวุธตอลลิบานจ่อยิงที่ศรีษะ และในต้นเดือนนี้โรงเรียนที่ถูกสร้างจากเงินรางวัลโนเบลของเธอได้ทำการเปิด
สื่อดอว์น(Dawn)ของปากีสถานรายงานวันนี้(30)ว่า ผู้คนในพื้นที่สวาตต่างพากันตื่นเต้นต่อการเดินทางกลับปากีสถานของยูซาฟไซ และคาดหวังจะเห็นเธอมายืนบนพื้นดินที่สวาตอีกครั้ง ซึ่งพบว่ายูซาฟไซได้เริ่มต้นการเป็นนักรณรงค์ด้านการศึกษามาตั้งแต่อายุได้ 11 ปีผ่านการเขียนบล็อกให้กับสื่อบีบีซีของอังกฤษภาคภาษาอูรดู
ในขณะที่อดีตเพื่อนนักเรียนหญิงของยูซาฟไซต่างกล่าวว่า พวกเธอต้องการให้เพื่อนคนนี้อยู่ในปากีสถานอย่างถาวร
อูรุจ บีบี(Urooj Bibi) อดีตเพื่อนยูซาฟไซกล่าวว่า “การกลับมาของเธอทำให้ดิฉันรำลึกไปถึงช่วงเวลาที่พวกเราเคยคุยกันในช่วงเวลาที่ยังเรียนหนังสือ ซึ่งดิฉันจำได้ถึงการที่เธอเข้าร่วมอย่างแข็งขันในกิจกรรมประชุมของโรงเรียนในช่วงเช้า และการที่เธอมีความกระตือรือร้นในบทบาทของตัวเอง”
เอเอฟพีรายงานก่อนหน้าว่า กลุ่มมือปืนตอลิบานที่บุกโจมตีรถที่เธอและเพื่อนกำลังโดยสารไปโรงเรียนนั้นถูกตัดสินโทษเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น ในขณะที่พวกที่เหลือยังสามารถลอยนวลต่อไปได้
ทั้งนี้พบว่ามือปืนคนที่จ่อยิงยูซาฟไซและผู้ที่อยู่เบื้องหลังวางแผนเป็นสมาชิกของกลุ่มตอลิบานปากีสถาน TTP ยังคงหนีการจับกุม และเชื่อว่าในขณะนี้กำลังหลบซ่อนตัวตัวอยู่ในภูมิภาคทางตะวันออกของปากีสถานที่พวกเขายังคงวางแผนโจมตีอิสลามาบัดต่อไป อ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ
สื่อซีนิวส์(zeenews)ของอินเดียรายงานเมื่อวานนี้(29)ว่า ยูซาฟไซได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของปากีสถาน ชาฮิด คาข่าน อับบาซี ที่ทางรัฐบาลของปากีสถานได้ให้คำมั่นกับเธอในการสนับสนุนโครงการทางด้านการศึกษาที่เธอเป็นผู้ริเริ่ม
สื่ออินเดียรายงานว่า ยูซาฟไซจะเดินทางอยู่ในปากีสถานเป็นเวลา 4 วันก่อนที่จะกลับอังกฤษ ซึ่งเธอถูกจับภาพนิ่งผ่านการรายงานทางสถานีโทรทัศน์ปากีสถานในการเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเบนาซีร์ บุตโตเมื่อวันพฤหัสบดี(29) โดยเธอมาพร้อมกับบิดามารดา