เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์รายงานล่าสุด บ่ายวันอังคาร(27 มี.ค) สถานการณ์ในสถานีรถไฟปักกิ่งเข้าสู่ความสงบ รถไฟกันกระสุนสีเขียวคาดเหลืองพาผู้นำเกาหลีเหนือ และภรรยากลับประเทศ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อเบื้องหลังเชื่อ ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ถูกกดดันจากสงครามการค้ากับวอชิงตัน ปัญหาไต้หวัน ท่ามกลางคุกรุ่นญี่ปุ่นสมัยอาเบะหันไปทางคอนเซอร์เวตีฟ และสถานะปักกิ่งในภูมิศาสตร์ทางการเมืองภายในภูมิภาค ส่วนคิม เชื่อต้องการใช้จีนเป็นเสมือนหลักประกันก่อนซัมมิตร่วมทรัมป์ และหวังจีนยอมผ่อนคลายการคว่ำบาตรตามคำสั่งยูเอ็น
เซาท์มอร์นิ่งไชน่าโพสต์ สื่อฮ่องกงรายงานวันนี้(28 มี.ค) ถึงเหตุผลสำคัญเบื้องหลังที่ทำให้ผู้นำปักกิ่งพบกับประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน และคณะ โดย โดนัลด์ เคิร์ก(Donald Kirk)ผู้เขียนบทความเชิงวิเคราะห์ให้กับสื่อฮ่องกง และเป็นเจ้าของหนังสือ 3 เล่มและงานเขียนบทความมากมายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือได้ให้เหตุผลว่า
ในเวลานี้ท่ามกลางสถาณการณ์ทางการค้าคุกรุ่นระหว่างสหรัฐฯและจีน และความขัดแย้งดูเหมือนแต่จะแย่ลง แต่ทว่าสิ้นเสียงคล้อยหลังผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน กลับพบม้าเหล็กหุ้มเกราะกันกระสุนสีเขียวขี้ม้าคาดเหลืองที่แปลกตามาปรากฎอยู่กลางกรุงปักกิ่งท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
และกลายเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงไปทั่วโลกเมื่อปรากฎภาพยืนยันในการปรากฎตัวของผู้นำเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดี คิม จองอึน ร่วมกับสี จิ้นผิงซึ่งมีภรรยาผู้นำของทั้ง 2 ประเทศปรากฎร่วมอยู่ด้วย ที่มีการเชื่อกันว่า คิมอยู่ในกรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์(25) และวันจันทร์(26)ล่าสุด
เคิร์กตั้งคำถามว่า เหตุใดผู้นำปักกิ่งจึงรับการเยือนของคณะจากเกาหลีเหนือในครั้งนี้...หากว่าเขาไม่มีความต้องการที่จะเสริมการป้องกันทางทหารตลอดแนวพรมแดนที่อ่อนแอที่ยังคงเป็นปราการป้องกันจากสหรัฐฯ
ซึ่งในสายตาของจีนการร่วมซ้อมรบประจำปีระหว่างวอชิงตันและโซลถือเป็นสิ่งที่น่ากวนใจ
นอกจากนี้ปักกิ่งยังมีความกังวลไปถึงจุดยืนทางการเมืองของญี่ปุ่นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่ดูเหมือนเดินไปทางการเมืองปีกขวามากขึ้น ต้องการให้มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าด้วยกองกำลังปกป้องตนเองของตัวเองที่จะทำให้สามารถเข้าร่วมสงครามในต่างแดนได้
และความกังวลที่สำคัญของปักกิ่งคือ พื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ที่ทางปักกิ่งอ้างสิทธิ์ครอบครอง โดยบรรดาสื่อจีนต่างรายงานอย่างโกรธแค้นที่เรือบรรทุกข์เครื่องบินสหรัฐฯ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน( USS Carl Vinson) ปรากฎพร้อมกับธงชาติสหรัฐฯเหนือน่านน้ำเหล่านั้นหลังจากถูกเรียกออกมาจากเมืองดานัง เวียดนาม
นอกจากนี้ยังเชื่อว่า ปัญหาไต้หวันเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เกิดความกดดันระหว่าง 2 ชาติ พบว่าในเดือนมีนาคมนี้ ผู้นำสหรัฐฯได้ลงนามคำสั่งอนุญาตให้ตัวแทนระดับสูงของรัฐบาลของเขาสามารถเดินทางไปเยือนไต้หวันได้
โดยรอยเตอร์รายงานในรายละเอียดว่า ทรัมป์ลงนามประกาศใช้กฎหมายซึ่งสนับสนุนการส่งเจ้าหน้าที่เยี่ยมเยือนซึ่งกันและกันระหว่างสหรัฐฯ และไต้หวัน ที่เรียกว่ากฎหมายการเดินทางไต้หวัน หรือ Taiwan Travel Act เมื่อวันที่ 16 มี.คที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้ในเช้าวันถัดไป(17) ซึ่งอาจเป็นการละเมิดนโยบายจีนเดียวที่ทางปักกิ่งประกาศชัดมาโดยตลอด
ซึ่งเมื่อต้นดือนมีนาคม ทางปักกิ่งได้ทำการยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการกับสหรัฐฯ ระบุว่า พวกเขาไม่พอใจอย่างยิ่งหลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายส่งเสริมความสัมพันธ์กับไต้หวันช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ในขณะที่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ฮวา ชุนอิง กล่าวในเวลานั้นว่า ถึงแม้ว่าบางบทบัญญัติในร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย แต่มันละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างร้ายแรง บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจที่รายงานถึงการเยือนจีนของคิมวันนี้(28) ภายใต้หัวข้อ “สารผู้นำคิมถึงทรัมป์ “จีนกลับมายืนอยู่ข้างพวกเราแล้ว” ชี้ว่า การลงนามของทรัมป์บังคับใช้ร่างกฎหมายการเดินทางไต้หวันในช่วงกลางเดือนนั้น เสี่ยงที่จะทำให้เกิดความยั่วยุทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน
ทั้งนี้เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์ชี้ว่า ในการที่ผู้นำปักกิ่งเชิญคิมมาเยือนจีน สีจำเป็นต้องมั่นใจว่า เขาอยู่ในแนวเดียวกันกับพวกเกาหลีเหนือ ส่วนทางประธานาธิบดีคิม จองอึน ที่คาดว่าจะมีการหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ที่หมู่บ้านปันมุนจอมใกล้เขตปลดอาวุธของทั้ง 2 ชาติในเดือนเมษายน และอาจจะมีการหารือเกิดขึ้นกับผู้นำสหรัฐฯในเดือนถัดไป
ผู้เขียนโดนัลด์ เคิร์ก กล่าวว่า เขาเชื่อว่าคิมจำเป็นต้องเดินทางมาถึงกรุงปักกิ่งด้วยตนเองในครั้งนี้ และถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในฐานะผู้นำเปียงยาง “เพราะต้องการที่จะผ่อนคลายความกดดันจากการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติที่จีนเข้าร่วม” สอดคล้องกับ ชี ยินฮอง(Shi Yinhong) ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยเหรินต้า(Renmin University)ที่ได้ให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สว่า ในเวลานี้เปียงยางอยู่ในที่นั่งลำบากเป็นอย่างมากทางด้านเศรษฐกิจ
ส่วนหยาง ซีหยู( Yang Xiyu) ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือชั้นนำในจีนให้ความเห็นกับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเช่นกันว่า ผู้นำคิมต้องการแก้ไขความสัมพันธ์กับจีนหลังจากที่มีความหมางเหมินต่อกันอย่างหนัก และต้องการเปิดประตูความสัมพันธ์ใหม่กับอริเช่นเกาหลีใต้
ในความเห็นของหยาง เขาชี้ว่า แต่ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ว่าผู้นำเปียงยางจะยอมยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะเคยกล่าวถึงการหยุดการพัฒนากับตัวแทนเกาหลีใต้ และได้ย้ำอีกครั้งในวันหารือร่วมกับประธานาธิบดีสีถึงความเป็นไปได้ก็ตาม
CNN สื่อสหรัฐฯวิเคราะห์ไปถึงสาเหตุการเยือนปักกิ่งอย่างฟ้าผ่าในครั้งนี้ ทางสื่อสหรัฐฯเชื่อว่า ผู้นำเกาหลีเหนือต้องการใช้จีนเป็นหลักประกันก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างตัวเขาและผู้นำสหรัฐฯเกิดขึ้น
ซึ่งในสายตาของ CNN ไม่ดูเหมือนมีความเป็นไปได้ที่ผู้นำเกาหลีเหนือจะยอมพบกับทรัมป์โดยที่ไม่เยือนจีนก่อน เหมือนอย่างที่สื่อฮ่องกงกล่าวว่า คิม จองอึนไม่เคยพบกับผู้นำชาติอื่นๆมาก่อนนับตั้งแต่ต้องเข้ารับการสืบทอดอำนาจต่อจากบิดา ประธานาธิบดี คิม จ็องอิล เพราะสำหรับเกาหลีเหนือ จีนถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 เป็นที่พึ่งทางเศรษฐกิจสำคัญ และพันธมิตรทางการทหาร ทั้ง 2 ชาติยังมีพรมแดนติดกัน
โดยไอดัน ฟอสเตอร์-คาร์เตอร์( Aidan Foster-Carter) นักวิจัยอาวุโสกิติมศักดิ์ประจำมหาวิทยาลัยลีดส์ (Leeds University) ให้ความเห็นว่า เกือบที่จะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคิดได้เลยสำหรับคิม ที่จะยอมพบกับประธานาธิบดีมุนและผู้นำสหรัฐฯโดยที่ตัวเขาไม่เคยพบกับสี จิ้นผิงแม้แต่ครั้งเดียว
ซึ่งทางฟอสเตอร์-คาร์เตอร์กล่าวต่อว่า ในการพบปะหารือ ทางเปียงยางอาจหวังว่า ทางปักกิ่งจะยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรกดดันหลังจากที่มีการประชุมซัมมิตร่วมกับทางเกาหลีใต้และสหรัฐฯเกิดขึ้นไปแล้ว
ด้านตง เซา( Tong Zhao) ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือประจำสถาบันศูนย์คาร์เนกี ซิงฮัวด้านนโยบายโลก( Carnegie Tsinghua Center for Global Policy)ในกรุงปักกิ่ง กล่าวต่อ CNN ว่า “ทางเปียงยางต้องการหลักประกันบางอย่างต่อการประชุมซัมมิตที่จะมีขึ้นร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์”
และกล่าวต่อว่า “พวกเขารู้ดีว่าการประชุมครั้งนี้มีความสำคัญมากแต่ก็เสี่ยงมากเช่นกัน มีความไม่แน่นอนมากมาย” ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า “หากว่าการหารือเกิดล้มเหลว สหรัฐฯอาจฉวยโอกาสประกาศว่า ทางการแก้ปัญหาทางการทูตไม่ประสบความสำเร็จ และหันไปสู่ทางที่มีการยั่วยุมากขึ้น หรืออาจถึงขั้นใช้ทางเลือกทางการทหารเข้าโจมตีแทน”
เซาให้ความเห็นว่า ***ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มั่นคงและเป็นไปในแง่บวกกับปักกิ่งถือเป็นทางปลอดภัยสำหรับเกาหลีเหนือที่จะไม่ถูกสหรัฐฯใช้กำลังทางทหารโจมตี***
CNN ชี้ว่า จีนนั้นมีความต้องการที่จะถูกมองว่าเป็น “ผู้สร้างสันติภาพ” ประจำภูมิภาคอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การปรากฎตัวของคิมนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตรึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสีและทรัมป์ โดยสื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวันศุกร์(23)ว่า การที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจีน เป็นการแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากปักกิ่งในเรื่องเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ความเชื่อในสิ่งนี้ยังรวมไปถึงการแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาวคนใหม่ในวันพฤหัสบดี(22)ก่อนหน้า จอห์น โบลตัน(John Bolton) ผู้เชี่ยวชาญทางความมั่นคงสายเหยี่ยวที่มีความต้องการที่จะเลือกใช้ทางเลือกทางการทหารกับเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นหนทางที่ทางจีนประณามมาโดยตลอด
นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ในกรุงวอชิงตัน ดีซี โฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส กล่าวว่า รัฐบาลจีนได้ติดต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดทรัมป์เมื่อวานนี้(22)ในการแจ้งการสรุปถึงการเยือนจีนของผู้นำเกาหลีเหนืออย่างไม่เป็นทางการ รวมไปถึงข้อความส่วนตัวของสีที่ฝากมาให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯได้รับทราบ
ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯได้ทวีตว่า ประธานาธิบดีสีได้แจ้งให้เขาทราบว่า การเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ยังจีนนั้นมีความสำเร็จ
สื่อฮ่องกง เซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์รายงานว่า ผู้นำเกาหลีเหนือและคณะโดยสารรถไฟกันกระสุนเดินทางกลับไปยังเกาหลีเหนือในช่วงบ่ายวันอังคาร(22) ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดบริเวณเรือนรับรองที่พักแขกทางการรัฐบาลจีน เตียวหยูไถ(Diaoyutai) ในกรุงปักกิ่ง และบริเวณสถานีรถไฟซึ่งม้าเหล็กสีเขียวขี้ม้าคาดเหลืองที่เคยจอด ได้กลับมาสู่สภาพปกติอีกครั้งหลังจากที่รถไฟได้เคลื่อนขบวนออกไปร่วม 2 ช.ม เป็นอย่างน้อย นักข่าวเซาท์มอร์นิงไชน่าโพสต์รายงานมาจากพื้นที่
สื่อฮ่องกงรายงานว่า เชื่อว่ารถไฟขบวนนี้จะใช้เส้นทางการเดินทางระหว่างปักกิ่งและเมืองตานตงซึ่งอยู่ในฝั่งจีนติดกับพรมแดนเกาหลีเหนือ นักข่าวในพื้นที่รายงานว่า ในเวลาราว 09.30 น.วันอังคาร(27) ขบวนรถของผู้นำออกมาจากเรือนรับรองเตียวหยูไถ ซึ่งพบว่า ขบวนรถได้แล่นผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมิน และดูเหมือนมุ่งหน้าไปยังสถานทีรถไฟ