รอยเตอร์ - สหรัฐฯ อัดฉีดงบประมาณให้แก่สำนักงานป้องกันขีปนาวุธ (US Missle Defense Agency - MDA) ด้วยวงเงินสูงเป็นประวัติการณ์ 11,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 360,000 ล้านบาท) ในปี 2018 ขณะที่ผู้อำนวยการ MDA ยอมรับว่ากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ “โดรนติดอาวุธ” เพื่อรับมือเกาหลีเหนือ
ร่างกฎหมายงบประมาณซึ่งถูกเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.) มีการเพิ่มงบในส่วนของกระทรวงกลาโหม และจัดสรรเงินอุดหนุน MDA เพิ่มขึ้นอีก 40% หรือสูงกว่าปีงบประมาณ 2017 ราวๆ 3,300 ล้านดอลลาร์
สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อเลี่ยงภาวะ “ชัตดาวน์” ปิดหน่วยงานรัฐ และได้ส่งร่างกฎหมายให้วุฒิสภาพิจารณาเพื่อลงมติรับรองก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายในเวลาเที่ยงคืนวันนี้ (23)
ทอม คาราโก นักวิเคราะห์อาวุโสจากศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า วงเงินดังกล่าวถือเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่ MDA เคยได้รับ และคาดว่าจะถูกนำไปขยายระบบป้องกันภาคพื้นดินที่มุ่งสกัดขีปนาวุธในระยะมิดคอร์ส (Ground-based Midcourse Defense - GMD) และเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้ป้องกันดินแดนสหรัฐฯ จากการถูกโจมตีโดยขีปนาวุธข้ามทวีป
ขณะเดียวกัน ร่างงบประมาณฉบับนี้ยังเพิ่มงบอุดหนุนในส่วนของการพัฒนาและประจำการ Redesigned Kill Vehicle ซึ่งหมายถึงหัวรบที่ถูกออกแบบมาเพื่อสกัดและทำลายขีปนาวุธที่ยิงมาจากฝั่งศัตรูโดยเฉพาะ
พล.ท. แซมูเอล กรีฟส์ หัวหน้าสำนักงาน MDA ได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการกิจการกองทัพแห่งวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (22) โดยยอมรับว่ามีแนวคิดที่จะใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรนยิงขีปนาวุธของศัตรูให้ตกตั้งแต่ปล่อยออกจากฐานยิงใหม่ๆ
ส.ว. ทอม คอตตอน จากพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการได้ตั้งคำถามว่า MDA ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ หรือไม่กับการ “สร้างตาข่ายป้องกันทางอากาศบนคาบสมุทรเกาหลี โดยส่งอากาศยานไร้คนขับทั้งแบบบันทึกภาพและติดอาวุธขึ้นไปทำภารกิจเหนือน่านน้ำสากล ซึ่งอาจจะช่วยสกัดกั้นไม่ให้ขีปนาวุธเกาหลีเหนือพุ่งออกจากฐานยิงได้สำเร็จ”
กรีฟส์ ตอบว่าหน่วยงานของเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเทคโนโลยี และนั่นหมายความว่าสหรัฐฯ อาจต้องส่งโดรนไปประจำการอย่างต่อเนื่องใกล้ๆ กับดินแดนของศัตรูที่ขู่จะใช้ขีปนาวุธโจมตีอเมริกา
เมื่อใดก็ตามที่ขีปนาวุธถูกยิงมาในทิศทางของสหรัฐฯ โดรนเหล่านี้จะยิงขีปนาวุธให้ตกตั้งแต่อยู่ในระยะขับดัน (boost phase) และยังไม่ออกไปจากชั้นบรรยากาศโลก


