เอเจนซีส์ - ทั่วโลกผวาสงครามการค้าระเบิด หลังปักกิ่งกร้าวพร้อมตอบโต้แน่นอน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ “ทรัมป์” กำหนดจะลงนามคำสั่งขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าเพื่อเล่นงานความก้าวร้าวทางเศรษฐกิจแดนมังกร
ราช ชาห์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดการจะลงนาม “บันทึกความเข้าใจของประธานาธิบดีเพื่อลงโทษความก้าวร้าวทางเศรษฐกิจของจีน” ในวันพฤหัสบดี (22 มี.ค.) และแถลงเพิ่มเติมว่า การดำเนินการนี้มีขึ้นภายหลังจากที่คณะบริหารทรัมป์เปิดการสอบสวนความพยายามของจีนในการบิดเบือนตลาด เพื่อบังคับ กดดัน และขโมยเทคโนโลยีและสินทรัพย์ทางปัญญาของสหรัฐฯ
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนออกคำแถลงในวันพฤหัสบดี (22) เตือนว่า ปักกิ่งจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์ หลังจากทรัมป์ลัดวงจรการดำเนินการของทำเนียบขาว และประกาศมาตรการแซงก์ชันเหล็กกล้าและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากต่างชาติ
อย่างไรก็ดี ในวันพุธ (21) เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาเตือนว่า แนวโน้มที่จะเกิดสงครามการค้า อาจคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกา
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน ก็เรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ ใช้เหตุผลเหนืออารมณ์เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า และเมื่อวันพฤหัสบดี หวา ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงแสดงความหวังว่า จีนและสหรัฐฯ อาจหารือในทางสร้างสรรค์เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าโดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ทว่า ดูท่าว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมดเหล่านี้จะไม่ได้ผล
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ทรัมป์เตรียมประกาศเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรในสินค้าต่างๆ ที่นำเข้าจากจีนรวมเป็นมูลค่าถึง 60,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ปักกิ่งเตรียมตอบโต้โดยพุ่งเป้าที่ภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของทรัมป์อย่างเช่นสินค้าการเกษตร
พวกนักวิเคราะห์เสริมว่า บริษัทอเมริกัน อาทิ โบอิ้งที่ขายเครื่องบินให้สายการบินแดนมังกรมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ อาจถูกลูกหลงจากสงครามการค้าของสองมหาอำนาจของโลก
วิลเลียม มาร์แชล นักกฎหมายในฮ่องกงที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนและข้อพิพาทแก่ลูกค้าทั้งอเมริกันและจีน ขานรับว่า จีนมีตัวเลือกในการตอบโต้อีกมากมาย เช่น เทสลา ที่กำลังเจรจากับทางการเซี่ยงไฮ้เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในเมืองดังกล่าว รวมถึง ถั่วเหลืองส่งออกของอเมริกา
ขณะเดียวกัน โรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) แถลงเมื่อวันพุธว่า มาตรการลงโทษที่ทรัมป์เตรียมประกาศจะพุ่งเป้าที่ภาคไฮเทคของจีน รวมทั้งอาจมีการจำกัดการลงทุนของจีนในอเมริกา
ไลต์ไฮเซอร์นั้นเสนอมาตรการลงโทษจีนแยกต่างหากมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทรัมป์มีแนวโน้มเห็นด้วย โดยเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามรักษาสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียงว่า จะจัดการกับคู่ค้าที่โกงและทำลายตำแหน่งงานของอเมริกา
ปีที่ผ่านมา อเมริกาขาดดุลการค้าจีนทำสถิติถึง 375,000 ล้านดอลลาร์ กระนั้น มูลค่าการส่งออกจากเมืองลุงแซมไปยังจีนก็สูงสุดทำสถิติเช่นเดียวกัน
เจ้าหน้าที่อาวุโสในสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า คณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และบารัค โอบามา พยายามมาตลอดที่จะเกลี้ยกล่อมให้จีนยึดถือระบบเศรษฐกิจแบบตลาดและการค้าเสรี แต่ก็ล้มเหลวมาตลอดเช่นเดียวกัน
จนมาถึงคณะบริหารของทรัมป์ที่เปิดการสอบสวนเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากได้รับการร้องเรียนจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงกรณีที่จีนบังคับให้บริษัทอเมริกันถ่ายโอนเทคโนโลยีและความลับทางการค้าให้หุ้นส่วนฝ่ายจีน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการดำเนินงานและการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในจีน บริษัทอเมริกันยังไม่สามารถขอใบอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญาในจีนได้ ขณะที่บริษัทจีนทำได้อย่างเสรี
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่อเมริกันยังกล่าวหาว่า จีนเจาะระบบเครือข่ายของอเมริกาและสอดแนมทางการค้าเพื่อโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา
แม้ต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ส่ง หลิว เหอ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจระดับสูง ไปวอชิงตันเพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ทว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ปักกิ่งไม่มีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมไปมอบให้แต่อย่างใด
ในอีกด้านหนึ่ง หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ของรัฐบาลจีน ออกบทบรรณาธิการเรียกร้องให้ทั่วโลกยืนหยัดร่วมกันเพื่อป้องกันสงครามการค้า โดยเตือนว่า จีนไม่ใช่เป้าหมายเดียวของคณะบริหารทรัมป์