xs
xsm
sm
md
lg

จริงไหม‘เอฟบีไอ’สนใจเรื่องของ ‘เซ็กซ์สปาย’รัสเซียซึ่งถูกจับที่พัทยา?

เผยแพร่:   โดย: ริชาร์ด เอส เอห์รลิค

<i>อนัสตาเซีย วาชูเควิช สาวเบลาลุสผู้สารภาพว่าตัวเองเป็นสาวเอสคอร์ตและเมียเก็บอภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ในภาพถ่ายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2017 ซึ่งโพสต์อยู่ในบัญชีอินสตาแกรมของเธอ </i>
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

FBI piqued by Russia sex spy story
By Richard S Ehrlich
16/03/2018

มีรายงานว่าสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) พยายามหาทางเข้าสอบปากคำ อนัสตาเซีย วาชูเควิช ซึ่งในขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในประเทศไทย หลังจากที่หญิงสาวผู้สารภาพว่าตนเองเป็นสาวเอสคอร์ตและเป็นเมียเก็บของมหาเศรษฐีรัสเซียผู้นี้ อ้างว่ามีข้อมูลลับเกี่ยวกับบทบาทของรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งปี 2016 ของสหรัฐฯ

กรุงเทพฯ - หญิงสาวชาวเบลาลุสคนหนึ่งซึ่งกำลังถูกจับกุมคุมขังอยู่ในเมืองไทย อ้างว่ามีไฟล์บันทึกเสียงพูดคุยของชาวรัสเซียและชาวอเมริกันหลายคนซึ่งมีส่วนในการสมรู้ร่วมคิดเพื่อทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายได้เปรียบในการเลือกตั้ง ขณะที่ตัวเธอก็มีความพยายามในการสร้างชื่อให้ตนเองในฐานะเป็น “สาวนักล่า” ด้วยการแอบบันทึกเสียงการยั่วยวนให้ “เหยื่อ” ผู้มั่งคั่งร่ำรวย ลุ่มหลงเสน่ห์ของเธอ ในเวลาที่เธอทอดกายและอาศัยเซ็กซ์มาเสแสร้งเสนอและสนองความรักอันจอมปลอม

อานัสตาเซีย วาชูเควิช (Anastasia Vashukevich) เวลานี้ถูกกักขังด้วยข้อหาเข้าเมืองอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายในประเทศไทย และกำลังหาทางให้ได้ไปลี้ภัยทางการเมืองในสหรัฐฯ เธอบอกกับบรรดาผู้สื่อข่าวว่า เธอ กับ อเล็กซานเดอร์ คีริลลอฟ (Alexander Kirillov) หนุ่มชาวรัสเซียที่เป็น “เจ้านาย” ของเธอ ได้แอบบันทึกเสียงพูดคุยของ โอเล็ก เดริปาสคา (Oleg Deripaska) “ออริการ์ช” (oligarch –มหาเศรษฐีผู้สร้างฐานะขึ้นมาด้วยเส้นสายทางการเมืองและทางธุรกิจ หลังสหภาพโซเวียตล่มสลายและมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่างๆ อย่างขนานใหญ่) ชาวรัสเซียเอาไว้เป็นเวลารวม 16 ชั่วโมง ในช่วงเวลาระหว่างปี 2016 ถึง 2017

วาชูเควิช อ้างว่าในไฟล์บันทึกเสียงลับๆ ของเธอเหล่านี้ มีทั้งที่เป็นเสียงการพูดคุยขณะที่ เดริปาสคา เข้าร่วมประชุมหารือด้วยตนเอง ในลักษณะสมรู้ร่วมคิดกับชาวอเมริกันและชาวรัสเซียหลายคน เกี่ยวกับการส่งอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เพื่อให้เป็นที่มั่นใจว่า ทรัมป์ซึ่งในตอนนั้นยังมีฐานะเป็นเพียงผู้มุ่งหวังที่จะได้เป็นประธานาธิบดี สามารถกลายเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้ง

การกล่าวอ้างของเธอเหล่านี้อย่างน้อยที่สุดก็มีค่าควรแก่การตรวจสอบอยู่เหมือนกัน เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า เดริปาสคา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนที่เข้มแข็งคนหนึ่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียนั้น ครั้งหนึ่งเคยว่าจ้าง พอล มานาฟอร์ต (Paul Manafort) อดีตผู้จัดการทีมงานรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ ให้มาทำงานกับเขา

ขณะที่ เดริปาสคา กับ มานาฟอร์ต ได้แตกคอกันในเวลาต่อมาสืบเนื่องจากเรื่องเงินๆ ทองๆ รวมทั้งเงินจำนวน 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯซึ่งตั้งใจจะนำไปลงทุน และ เดริปาสคาได้กล่าวหา มานาฟอร์ต ว่าเป็นตัวการทำให้เกิดความเสียหายขึ้น ในคดีซึ่งฟ้องร้องต่อศาลบนเกาะเคย์แมน แต่ มานาฟอร์ตก็ยังคงถูกสงสัยเรื่อยมาว่า เขาอาจจะทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์กับเดริปาสคา และจากนั้นออริการ์ชรัสเซียผู้นี้ก็ส่งต่อไปให้ปูติน

เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา มานาฟอร์ตได้ให้การที่ศาลสหรัฐฯ ณ เมืองอเล็กซานเดรีย รัฐเวอร์จีเนีย ปฏิเสธความผิดตามข้อกล่าวหาในหลายๆ กระทง โดยที่เขาเจอทั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อเป็นปรปักษ์กับสหรัฐฯ, หลบเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้, ทุจริตฉ้อฉลด้านการธนาคาร, ฟอกเงิน, และความผิดอาญาอื่นๆ

ขณะที่ช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังๆ มานี้ โรเบิร์ต มุลเลอร์ (Robert Mueller) ที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ หรือก็คือ อัยการพิเศษ ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ออกหมายเรียกเอกสารต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพวกธุรกิจของทรัมป์ อันเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการสืบสวนของเขากำลังขยายวงกว้างออกไปจนครอบคลุมถึงเรื่องบทบาทของเม็ดเงินจากต่างประเทศที่มีต่อกิจกรรมทางการเมืองของทรัมป์ จวบจนถึงเวลานี้ยังไม่มีหลักฐานที่ปรากฏโฉมออกมาแล้วอันไหนเลยซึ่งพิสูจน์ยืนยันว่า เดริปาสคามีความเกี่ยวข้องโยงใยกับทรัมป์ และตัวประธานาธิบดีผู้นี้ก็ยังคงปฏิเสธเรื่อยมาว่าทีมหาเสียงของเขาไม่ได้มีการสมคบกับฝ่ายรัสเซียใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนสหรัฐฯได้แสดงความสนใจอยู่บ้างต่อข้ออ้างของสาวเอสคอร์ตชาวเบลาลุสที่กำลังอยู่ในคุกไทยผู้นี้ ที่ว่าเธอมีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ทั้งนี้ตำรวจไทยได้จับกุม วาชูเควิช, คีริลลอฟ, และคนอื่นๆ อีก 8 คนเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่เมืองพัทยา และตั้งข้อหาพวกเขาในเรื่องวีซ่าเข้าเมืองขาดอายุ ตลอดจนทำงานโดยที่ไม่ได้มีใบอนุญาตให้ประกอบอาชีพในประเทศไทย
<i>อนัสตาเซีย วาชูเควิช ขณะอยู่ในสถานที่กักกันของไทย ในภาพถ่ายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 (ภาพจากอินสตาแกรม) </i>
วาชูเควิช และ คีริลลอฟ ซึ่งเวลานี้อยู่ในคุกไทยทั้งคู่ บอกว่าพวกเขาจะเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ของไฟล์บันทึกเสียงซึ่งพวกเขาอ้างว่ามีอยู่ ก็ต่อเมื่อหลังจากผู้ต้องหาทั้ง 10 คนเหล่านี้ได้รับฐานะเป็น “ผู้ลี้ภัยทางการเมือง” ในสหรัฐฯ เนื่องจากพวกเขาหวาดกลัวว่าหากถูกเนรเทศกลับไปรัสเซียแล้ว พวกเขาจะต้องติดคุกหรือไม่ก็ถูกฆ่า

ทั้งสองคนนี้สามารถเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน? คงต้องบอกว่าเครดิตความน่าเชื่อถือของพวกเขากำลังมีคำถามตัวโต เนื่องจากพวกเขาได้เคยคุยโวซ้ำแล้วซ้ำอีกเอาไว้ในหนังสือที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2016 ของเธอ ว่าพวกเขามีทักษะความชำนาญในเรื่อง “การพูดจาแบบซ่อนเล่ห์เหลี่ยม”, การหลอกลวง, และการโกหกเพื่อควบคุมคนอื่นๆ ให้อยู่หมัด

เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวของคนทั้งสอง ฮีทเธอร์ เนาเอิร์ต (Heather Nauert) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 6 มีนาคมว่า “เรื่องนี้ฟังดูแล้วเหมือนเป็นเรื่องราวที่แปลกประหลาดเอามากๆ”

“ดิฉันไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่งซึ่งเราจำเป็นต้องรับรู้ และซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจะแจ้งให้เรารับทราบ” เนาเอิร์ตกล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตัน เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับรายงานข่าวที่ระบุว่า พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้พยายามติดต่อกับ วาชูเควิช ที่กำลังถูกคุมขัง ทว่าประสบความล้มเหลวไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้

จากการที่ วาชูเควิช ยืนยันแข็งขันว่า เธอ กับ คีริลลอฟ ครอบครองไฟล์เสียงสนทนาระหว่าง เดริปาสคา กับคนอื่นๆ ซึ่งสามารถใช้ยืนยันการกระทำผิดของเขาได้นั้น ทำให้สื่อมวลชนเพ่งเล็งความสนใจไปที่ภูมิหลังของหนุ่มสาวคู่นี้ และสถานการณ์แวดล้อมในตอนที่พวกเขาถูกจับกุมคุมขัง

ในหนังสือของวาชูเควิชที่ใช้ชื่อเรื่องหวือหวาแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Who Wants to Seduce a Billionaire” (ใครต้องการยั่วยวนอภิมหาเศรษฐีบ้าง) ซึ่งเขียนเป็นภาษารัสเซียในลักษณะมุ่งให้เป็นคู่มือแนะนำวิธีการ และบรรยายความเสมือนกับนวนิยายเบาๆ สนุกๆ นั้น มีการพรรณนากันอย่างเห็นภาพเกี่ยวกับยุทธศาสตร์อันละเอียดอ่อนในทางเซ็กซ์และในทางการสอดแนมซึ่ง วาชูเควิช และ คีริลลอฟ นำเอามาใช้

“อัดเสียงพูดคุยเอาไว้ ฉันจะฟังพวกเขาพูดคุยกัน และบอกเธอว่าฉันคิดยังไงเกี่ยวกับพวกเขา และการพูดจาของตัวเธอ” คีริลลอฟสั่งวาชูเควิชผ่านทางโทรศัพท์ไอโฟนของเธอ นี่คือข้อความตอนหนึ่งในหนังสือเล่มนี้ของเธอซึ่งบรรยายถึงเซ็กซ์บนเรือยอชต์ลำหนึ่งเมื่อปี 2016 ระหว่างเธอกับมหาเศรษฐีออริการ์ชชาวรัสเซียผู้หนึ่ง ที่เธอไม่ได้บอกชื่อจริง แต่หตั้งชื่อเล่นให้ว่า “รุสลัน” (Ruslan)

การตั้งชื่อเล่นเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเล่นสนุกกับชื่อที่มีอยู่จริงๆ เพราะในเวลาต่อมา วาชูเควิช (ซึ่งเรียกตัวเธอเองในชื่อ นัสตยา รืย์บคา Nastya Rybka) ได้ยืนยันว่า อภิมหาเศรษฐีคนที่ในหนังสือของเธอพูดถึงนั้น คือ เดริปาสคา ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทอลูมิเนียม รูซัล ของรัสเซีย รูซัล (Rusal) นี่แหละที่กลายเป็น รุสลัน (Ruslan)

“นี่แหละ ฉันกำลังอัดเสียงพูดของอภิมหาเศรษฐีระดับท็อปคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นคนเรียบร้อยคนรักครอบครัว และชีวิตส่วนตัวของเขานั้นเป็นสิ่งที่คนครึ่งโลกต้องการที่จะรู้จัก” เธอเขียนเอาไว้เช่นนี้ในหนังสือ “ฉันอัดเสียงขณะตัวเองกำลังมีเซ็กซ์กับอภิมหาเศรษฐีผู้นี้ แล้วส่งต่อไปให้อเล็กซ์”

ในหนังสือความยาว 250 หน้าเล่มนี้ เธอบรรยายเกี่ยวกับการอัปโหลดไฟล์เสียงที่เธอแอบอัดเอาไว้ไปเก็บ “ในสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งคนเขาจะรู้ว่าจะไปค้นหาได้ที่ไหน เป็นการเผื่อเอาไว้ในกรณีที่ฉันเกิดตายไปอย่างลึกลับ”

เดริปาสคา ได้ประณามหนังสือของวาชูเควิช ตลอดจนการโพสต์ภาพหลายๆ ภาพในบัญชีอินสตาแกรมของเธอ รวมทั้งบทสัมภาษณ์ในเวลาต่อมาของเธอกับคีริลลอฟ โดยบอกว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีให้เขาเสื่อมเสีย และกำลังฟ้องร้องพวกเขาอยู่ในศาลรัสเซียแห่งหนึ่ง

โดยตามรายงานข่าวของสำนักข่าว อาร์ไอเอ โนวอสตี (RIA Novosti) ของรัสเซียระบุว่า “ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ ศาล (ในเมืองครัสโนดาร์ Krasnodar) จะพิจารณาคดีที่นักธุรกิจ โอเล็ก เดริปาสคา ฟ้องร้อง อานัสตาเซีย วาชูเควิช และ อเล็กซานเดอร์ คีริลลอฟ”
<i>อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย โอเล็ก เดริปาสคา (ขวา) </i>
เอกสารของศาลกล่าวว่า เดริปาสคาฟ้องร้องทั้งคู่ในข้อหาละเมิด “ชีวิตส่วนตัว” ของเขา และรุกล้ำ “ข้อมูลส่วนตัว” ของเขา พร้อมกับเรียกร้องต้องการค่าชดเชยสำหรับ “ความเสียหายทางศีลธรรม” ของเขา

สำหรับระยะไม่กี่ปีหลังๆ มานี้ คีริลลอฟ (ซึ่งยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อเล็กซ์ เลสลีย์ Alex Lesley) ได้สร้างหญิงสาวหลายคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ, ต้องการครอบงำผู้ชาย, และเต็มไปด้วยอันตราย ให้คอยหลอกบรรดา “เป้าหมาย” ซึ่งไม่รู้สึกสงสัยอะไร ในหลายๆ ประเทศ ให้มีเซ็กซ์ด้วย, ให้ตกอยู่ในความรัก, และสารภาพชีวิตส่วนตัวของพวกเขา วาชูเควิช เขียนเอาไว้เช่นนี้

กลุ่มดังกล่าวนี้ซึ่งตั้งฐานอยู่ในกรุงมอสโก มีกิจกรรมด้านการแลกเปลี่ยนคู่นอน และการเล่น “เกม” ทางจิตวิทยาต่างๆ ซึ่งผสมผสานคติสุขารมณ์นิยมอันกระตือรือร้น (enthusiastic hedonism) เข้ากับการสวมบทบาทในทางเซ็กซ์และทางอารมณ์แบบหลอกๆ, การยอมตัวเป็นทาสอย่างสมัครใจ, การตีก้นและรูปแบบอื่นๆ ของ “การแสดงฐานะการเป็นผู้ครอบงำและการเป็นผู้พิชิต”

สำหรับสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงเทพฯนั้น เมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อสอบถามไป ก็ไม่ได้ให้คำตอบใดๆ ในเรื่องเกี่ยวกับคีริลลอฟ รวมทั้งสิ่งที่เขากำลังฝึกอบรมผู้หญิงในกลุ่มของเขา

ส่วนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯแถลงเพียงว่า “เราทราบจากรายงานข่าวของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการจับกุมบุคคลเหล่านี้ของเจ้าหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายไทย เราขอแนะนำให้คุณติดต่อกับหน่วยงานรักษากฎหมายของไทยเพื่อหาข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม”

ขณะที่ตั้งแต่นั้นมาพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยก็เข้มงวดกวดขันไม่ให้สื่อมวลชนเข้าถึงบุคคลทั้งสองที่ถูกคุมขังอยู่

โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานข่าวว่า สำนักข่าวสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ถูกพวกเจ้าหน้าที่ไทยสั่งห้ามไม่ให้ติดต่อกับทั้งคู่ ทั้งนี้ซีเอ็นเอ็นอ้างการเปิดเผยของ “เจ้าหน้าที่อาวุโสชาวไทย” ผู้หนึ่งที่ไม่มีการระบุนาม แต่อยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Immigration Department) ที่กรุงเทพฯ อันเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสถานกักกันแห่งนี้

“คำขอนี้ถูกพวกเจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธ เนื่องจากตามระเบียบแล้วอนุญาตให้เฉพาะผู้แทนทางกฎหมายและสมาชิกในครอบครัวของผู้ต้องขังเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงผู้ต้องขังได้ นี่เป็นคำบอกเล่าเพิ่มเติมของแหล่งข่าวรายนี้ ผู้ซึ่งขอไม่ให้บอกชื่อเสียงเรียงนาม เนื่องจากไม่ได้รับมอบอำนาจให้พูดกับสื่อมวลชน” ซีเอ็นเอ็นรายงานเอาไว้เช่นนี้เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา

ข่าวนี้ไม่สามารถหาฝ่ายที่เป็นอิสระมายืนยันรับรองได้ และก็ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเอฟบีไอได้ขอเข้าเยี่ยมบุคคลทั้งสองเมื่อใด หรือใช้เหตุผลว่าอะไร

หนุ่มสาวคู่นี้ถูกตำรวจไทยจับกุมขณะกำลังบรรยายต่อกลุ่มผู้ฟังซึ่งแทบทั้งหมดเป็นชายหญิงชาวต่างชาติที่ยอมจ่ายเงินคนละ 700 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเรียนรู้ “บทเรียนในการยั่วยวน” เป็นเวลา 1 สัปดาห์ คาดหมายกันว่าชายหญิงทั้ง 10 คนนี้จะถูกเนรเทศออกไปภายหลังเสร็จสิ้นการดำเนินคดีทางอาญา

ยังไม่มีกำหนดว่าศาลจะตัดสินคดีนี้เมื่อใด และทั้งรัสเซียและเบลาลุสต่างก็ไม่ได้มีการยื่นขออย่างเป็นทางการ เพื่อให้ฝ่ายไทยดำเนินการเนรเทศพลเมืองของพวกเขากลับไป

อาจมีความเป็นไปได้เช่นกันที่ทั้งคู่จะถูกเนรเทศไปยังประเทศซึ่งเป็นต้นทางของเที่ยวบินที่พวกเขาใช้เดินทางมากรุงเทพฯ ซึ่งน่าจะเป็นเมืองดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
<i>อนัสตาเซีย วาชูเควิช ในภาพเซลฟี่บนเรือยอชต์ลำหนึ่งเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2016 (ภาพจากอินสตาแกรม) </i>
เมื่อปีที่แล้ว วาชุเควิชได้โพสต์ภาพหลายภาพบนอินสตาแกรม โดยอ้างว่าเป็นภาพที่แสดงให้เห็นตัวเธอ, เดริปาสคา, และรองนายกรัฐมนตรี เซียร์เก ปริค็อดโค (Sergei Prikhodko) ของรัสเซีย ขณะพบกันบนเรือยอชต์ของออริการ์ชผู้นี้เมื่อปี 2016 ปริค็อดโดนั้นเป็นหนึ่งในนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีอิทธิพลมากที่สุด

วาชูเควิช ซึ่งอยู่ในวัย 20 เศษๆ และมีรูปร่างเพรียวระหง ระบุในบัญชีอินสตาแกรมของเธอ nastya_rybka.ru ว่าตัวเองเป็น “เมียเก็บของเดริปาสคา ตามโครงการของ อเล็กซ์ เลสลีย์”

เธอโพสต์ภาพเซลฟี่เซ็กซี่เอาไว้จำนวนมาก รวมทั้งภาพของเธอกับชาย 2 คนซึ่งดูเหมือนเป็น เดริปาสคา กับ ปริค็อดโค บนเรือยอชต์ลำหนึ่ง เธอยังเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เธออ้างว่าเป็นความกักขฬะหยาบคายทางเซ็กซ์ของ “รองนายกรัฐมนตรี” ที่มิได้มีการเอ่ยชื่อผู้หนึ่ง

หนังสือที่พูดจาเปิดเผยและภาพทางออนไลน์ที่เปิดเนื้อเปิดตัวของเธอ ได้ถูก อเล็กซี นาวัลนืย์ (Alexi Navalny) นักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านของรัสเซียนำมาใช้ในการจัดทำวิดีโอซึ่งโพสต์ทางยูทูบ และอินสตาแกรมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อตั้งข้อกังขาว่าอาจจะเป็นการติดสินบน

พวกผู้ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวนของนาวัลนืย์ ได้สัมภาษณ์ วาชูเควิช และ คีริลลอฟ ซึ่งกล่าวยืนยันว่าในหนังสือของเธอนั้นเป็นการพูดถึง เดริปาสคา และ ปริค็อดโค

เดริปาสคา โพสต์ทางอินสตาแกรมของเขาว่า วิดีโอของนาวัลนืย์และภาพตลอดจนคำพูดข้อเขียนต่างๆ ของวาชูเควิช เป็น “ข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จที่ก่อให้เกิดความเดือดดาล” ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่เซนเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตของรัสเซียก็เรียกร้องให้ลบสิ่งเหล่านี้ออกไป

ปรากฏว่าอินสตาแกรม ซึ่งเจ้าของคือเฟซบุ๊ก ได้ลบวิดีโอของนาวัลนืย์ และสิ่งที่เวชูเควิชโพสต์เอาไว้ออกไปบางส่วน แต่วิดีโอนี้ยังคงสามารถติดตามชมได้ทางยูทูบ ซึ่งเป็นของค่ายกูเกิล (http://www.youtube.com/watch?v=RQZr2NgKPiU)

“แฮปปี้วันวาเลนไทน์ ที่รัก @oleg.deripaska บางทีวันนี้ ยูทูบ กับ อินสตาแกรม อาจจะถูกบล็อก” เธอโพสต์บนอินสตาแกรมของเธอที่ส่งถึงเขาจากเมืองดูไบเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ไม่นานก่อนเดินทางมาประเทศไทย
<i>หนังสือภาษารัสเซียเรื่อง “Who Wants to Seduce a Billionaire” (ใครต้องการยั่วยวนอภิมหาเศรษฐีบ้าง) ของอนัสตาเซีย วาชูเควิช (ภาพจากอินสตาแกรม) </i>
หนังสือของวาชูเควิช นั้น ระบุอุทิศหนังสือเล่มนี้แด่ “อภิมหาเศรษฐีขี้อายของฉัน” และในหนังสือมีหลายๆ บท พูดถึง “พบกับเขาและมีเซ็กซ์กัน”, “ฉันเริ่มยั่วยวนเขา”, และ “กลเม็ดเรื่องเซ็กซ์เมื่อมีสาวอีกคนหนึ่ง”

ในหนังสือเล่มนี้ คีริลลอฟเขียนเอาไว้ว่า “สาวนักล่าคนนี้เล่นอย่างเอาจริงเอาจัง เธออาจจะเกลียดใครสักคน แต่ถ้าเธอจะต้องรักเขาแล้ว เธอก็จะหลงรักเขาและทำให้เขาหลงรักเธอ จากนั้นเธอก็จะเปลี่ยนกลับไปสู่อีกอัตลักษณ์หนี่ง และ (มีเซ็กซ์) กับเขา!”

ก่อนหน้านี้ เขาเคยเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่ใช้ชื่อเรื่องว่า “Life without Panties” (ชีวิตที่ไม่มีกางเกงใน) และหลังจากนั้นก็พูดถึงตัวเขาเองว่าเป็น “คู่แข่ง” คนหนึ่งของปูติน

ในกรุงเทพฯ หญิงสาวชาวยูเครนวัย 21 ปีคนหนึ่ง (เป็นหนึ่งในกลุ่ม “ผู้ยั่วยวน”ของคีริลลอฟ) ยอมบอกชื่อของเธอแต่ขอให้ระบุเพียงแค่ว่า “มิชา” (Misha) ได้จัดหาหนังสือของวาชูเควิชในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมาให้แก่ผู้เขียน (ริชาร์ด เอส เอห์รลิค)

“นัสตยาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน อเล็กซ์เป็นเทรนเนอร์ของฉัน ฉันรู้จักพวกเขามาเกือบปีครึ่งแล้ว ฉันต้องการทำอะไรที่สามารถทำได้เพื่อช่วยเหลือพวกเขา” มิชา บอก

เมื่อสอบถามว่าทำไมวาชูเควิชจึงเขียนหนังสือเล่มนี้และอัปโหลดภาพของเดริปาสคา มิชาตอบว่า “หนังสือเล่มนี้รวมทั้งภาพทั้งหมดที่เธอโพสต์บนอินสตาแกรมก็เพื่อสำหรับเดริปาสคา มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการยั่วยวนเขา” มิชากล่าว “เธอรักเขามากๆ เธอบอกฉันอย่างนั้น ... นัสตยามอบหนังสือเล่มนี้ให้เขา มันเป็นของขวัญจากเธอถึงเขา”

วาชูเควิชยังโพสต์ภาพหลายๆ ภาพบนอินสตาแกรม ซึ่งเป็นภาพตัวเองในสภาพเปลือยบางส่วนกำลังกอดกับคีริลลอฟอยู่บนเตียง “อเล็กซ์กับนัสตยาน่ะ พวกเขารักกัน เขาเป็นเทรนเนอร์ของเธอ, เป็นคู่รักของเธอ, เป็นเพื่อนของเธอ, เป็นผู้คอยสนับสนุนให้กำลังใจเธอ”

แต่ เดริปาสคา ซึ่ง “ต้องการแสดงตัวเป็นเจ้าของ” กลับ “รู้สึกอิจฉาริษยา” มิชา ระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น