รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - กองทหารตุรกีพร้อมกับกลุ่มพันธมิตรกบฏซีเรียของพวกเขา ยกกำลังบุกเข้าไปในเมืองอัฟริน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ (18 มี.ค.) ชักธงของพวกเขาขึ้นในบริเวณศูนย์กลางของเมือง และประกาศว่าสามารถควบคุมเมืองสำคัญแห่งนี้ไว้ได้อย่างเต็มที่แล้ว ภายหลังเปิดการรณรงค์เป็นเวลา 8 สัปดาห์เพื่อขับไล่กองกำลังอาวุธวายพีจี ของชาวเคิร์ด
ผู้ทำหน้าที่โฆษกให้แก่นักรบกลุ่ม “ฟรี ซีเรียน อาร์มี” (Free Syrian Army หรือ FSA) ซึ่งเป็นพวกกบฏซีเรียที่ได้รับการหนุนหลังจากตุรกี แถลงว่าพวกเขาสามารถบุกเข้าอัฟริน (Afrin)ได้ตั้งแต่ก่อนรุ่งสางโดยไม่เผชิญการต่อต้านเลย ขณะที่กลุ่มชาวซีเรียผู้สังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชน (Syrian Observatory for Human Rights) ซึ่งเป็นกลุ่มเฝ้าติดตามสงครามคราวนี้โดยอาศัยสายข่าวคนในท้องถิ่น บอกว่ายังมีนักรบวายพีจีกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่กระจัดกระจายกันหลายกลุ่ม ท้าทายไม่ทำตามคำสั่งให้พวกเขาถอนตัวออกไป แต่โดยภาพรวมแล้วกองกำลังอาวุธของฝ่ายตุรกีคือผู้ที่สามารถควบคุมเมืองเอาไว้แล้ว
การสู้รบชิงอัฟริน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่มีเสถียรภาพมั่นคงในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียคราวนี้ เป็นการเปิดแนวรบใหม่ในสงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งประกอบด้วยกองกำลังหลายฝ่ายหลายกลุ่มที่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างซับซ้อน อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีของพวกมหาอำนาจต่างชาติ ในการสู้รบขัดแย้งที่ดำเนินมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว
ทางการตุรกีบอกว่า พวกนักรบชาวเคิร์ดกลุ่มวายพีจี (YPG ใช้ชื่อเต็มในภาษาอังกฤษว่า Kurdish People's Protection Units) ในซีเรีย เป็นส่วนต่อขยายของกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงที่กำลังก่อความไม่สงบในตุรกีเพื่อมุ่งแบ่งแยกดินแดนของชาวเคิร์ดออกไปเป็นเอกราช พร้อมกับประกาศว่าจะบดขยี้ “ระเบียงแห่งการก่อการร้าย” ซึ่งหมายถึงพื้นที่ควบคุมของวายพีจีตามแนวพรมแดนของซีเรียที่ติดต่อกับชายแดนด้านใต้ของตุรกี
อังการาได้ประกาศเปิดยุทธการที่ใช้ชื่อว่า “ช่อมะกอก” (Operation “Olive Branch”) คราวนี้เมื่อ 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา และคุกคามที่จะขยายการรุกโจมตีของตนไปยังบริเวณที่อยู่ในความควบคุมของกลุ่มชาวเคิร์ดวายพีจีอีกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลออกไปทางตะวันออก โดยพื้นที่ตรงนั้นซึ่งมีเมืองสำคัญๆ อย่าง มานบิจ มีกองทหารสหรัฐฯตั้งประจำอยู่เคียงข้างกับกองกำลังวายพีจี ที่เป็นพันธมิตรของวอชิงตันในการสู้รบปราบปรามกลุ่ม “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ในซีเรีย
“บริเวณศูนย์กลางของเมืองอัฟรินตกอยู่ในความควบคุมของฝ่ายเราตั้งแต่เวลา 08.30 น.เมื่อเช้านี้” ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิป แอร์โดอัน ของตุรกี บอกกับผู้คนที่มาชุมนุมกันในนครอิสตันบูล เพื่อรำลึกถึงศึกกัลลิโพลี ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และเสริมว่ามีการชักธงของกองทัพตุรกีและของกลุ่มเอฟเอสเอ ขึ้นในบริเวณใจกลางเมืองอัฟรินด้วย
“พวกผู้ก่อการร้ายเกือบทั้งหมดหลบหนีไปแล้วในอาการหางจุกก้น ทหารหน่วยรบพิเศษของเราและสมาชิกของกองกำลังเอฟเอสเอ กำลังเข้ากวาดล้างพวกที่ยังเหลืออยู่ ตลอดจนกับดักต่างๆ ที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ข้างหลัง” แอร์โดอันกล่าว “ในบริเวณศูนย์กลางของเมืองอัฟริน สัญลักษณ์ของความไว้วางใจและเสถียรภาพ กำลังโบกสะบัดแทนที่ผ้าขี้ริ้วของพวกผู้ก่อการร้าย”
กลุ่ม “วอตส์แอปป์” กลุ่มหนึ่งที่ดำเนินการโดยกองกำลังกบฏซีเรีย ซีเรียน เดโมเครติก ฟอร์เซส (Syrian Democratic Forces หรือ SDF) ซึ่งครอบงำด้วยนักรบชาวเคิร์ดวายพีจี ระบุว่า กองทหารตุรกีและกลุ่มกบฏซีเรียของพวกเขาได้ดึงรูปปั้นรูปหนึ่งในอัฟรินให้โค่นล้มลงมา ซึ่งพวกเขาบอกว่าเป็น “การละเมิดอย่างโจ่งแจ้งต่อวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประชาชนชาวเคิร์ด”
ขณะที่กองทัพตุรกีออกคำแถลงว่า กองทหารกำลังเคลียร์ถนนสายต่างๆ เพื่อค้นหากับระเบิดและระเบิดแสวงเครื่องที่พวกวายพีจีวางเอาไว้ก่อนหลบหนี กองทัพตุรกียังได้โพสต์คลิปวิดีโอซึ่งระบุว่าถ่ายให้เห็นสภาพของศูนย์กลางเมืองอัฟริน โดยที่สามารถมองเห็นรถถังคันหนึ่งจอดอยู่ใต้เฉลียงของอาคาร ซึ่งตกแต่งด้วยธงชาติตุรกี และก็มีผู้โบกธงของเอฟเอสเอด้วย
ด้านโฆษกของเอฟเอสเอ โมฮัมหมัด อัล-ฮามาดีน บอกว่านักรบของพวกเขาบุกเข้าเมืองจากทั้งด้านเหนือ ด้านตะวันออก และด้านตะวันตก และกล่าวด้วยว่า อาจจะสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ทั่วทั้งเมืองก่อนจะหมดวันนี้
โฆษกรัฐบาลตุรกี เบคีร์ บอซดัก แถลงว่าการรณรงค์ทางทหารคราวนี้จะดำเนินต่อไปเพื่อทำให้พื้นที่ต่างๆ รอบอัฟรินเกิดความมั่นคง รวมทั้งรับประกันว่าจะมีอาหารและยาส่งเข้าไปในเมืองได้อย่างเพียงพอ
“เรายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ แต่โครงการที่จะสร้างระเบียงก่อการร้าย และที่จะสร้างรัฐก่อการร้ายนั้น เป็นอันจบสิ้นลงแล้ว” เขาบอก
กลุ่มชาวซีเรียผู้สังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า มีผู้คนกว่า 150,000 คนอพยพหลบหนีออกจากอัฟรินในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่กองกำลังของตุรกียังคงเดินหน้าบีบเข้าไปเรื่อยๆ ถึงแม้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเรียกร้องให้หยุดยิงทั่วทั้งซีเรียเป็นเวลา 30 วัน
อังการากล่าวว่า ข้อเรียกร้องนี้ไม่ได้ครอบคลุมถึงอัฟริน ทว่ายุทธการคราวนี้ของพวกเขาก็เผชิญการวิพากษ์วิจารณ์หนักจากโลกตะวันตก
รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวว่า ความห่วงใยของตุรกีในเรื่องความมั่นคงทางชายแดนของตน ไม่ได้เป็นเหตุผลอันชอบธรรมที่จะรองรับ “การที่กองทหารตุรกีบุกรุกเข้าไปลึกจนถึงเขตอัฟริน” รวมทั้งยังอาจเป็นการสร้างความอ่อนแอให้แก่การปฏิบัติการของนานาชาติในการต่อสู้ปราบปรามพวกนักรบไอเอสที่ยังหลงเหลืออยู่ในซีเรีย
กองกำลังรัฐบาลซีเรียรุกที่มั่นฝ่ายกบฏในโกตาตะวันออก
นอกเหนือจากอัฟรินแล้ว แนวรบในซีเรียอีกด้านหนึ่งซึ่งกำลังเกิดการสู้รบกันอย่างหนักในเวลานี้ ได้แก่ ที่มั่นของพวกกบฏในบริเวณโกตาตะวันออก (Eastern Ghouta) ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เมืองหลวงดามัสกัส
กองกำลังอาวุธที่ภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้เปิดการโจมตีอย่างดุดันมาตั้งแต่เดือนที่แล้วเพื่อชิงคืนพื้นที่บริเวณโกตาตะวันออก ซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญแห่งสุดท้ายรอบๆ เมืองหลวงที่ยังอยู่ในมือฝ่ายกบฏ
ตามคำแถลงของกลุ่มชาวซีเรียผู้สังเกตการณ์ฯ มีพลเรือนกว่า 1,400 คนถูกสังหารจากการถล่มทิ้งระเบิดและการปะทะสู้รบกันในโกตาตะวันออก ในระหว่างการรุกใหญ่คราวนี้
ขณะที่กองกำลังอาวุธของระบอบปกครองซีเรีย สามารถชิงคืนพื้นที่โกตาตะวันออกไปได้ราว 80% แล้วนับแต่เปิดการรุกคราวนี้ ซึ่งมุ่งตีเข้าไปในพื้นที่เล็กๆ แยกจากกัน 3 แห่งซึ่งอยู่ในความควบคุมของกลุ่มกบฏต่างๆ กันหลายๆ กลุ่ม
ระยะไม่กี่วันที่ผ่านมา มีรายงานว่าผู้คนมากกว่า 50,000 คนได้หลบหนีออกจากบริเวณนี้
ขณะที่ในวันอาทิตย์ (18) กองกำลังฝ่ายภักดีรัฐบาลสามารถยึดเมืองเล็กๆ 2 แห่ง คือ คาฟร์ บัตนา และ ซักบา ในพื้นที่เล็กๆ ด้านใต้ซึ่งอยู่ในความควบคุมของกลุ่มกบฏฟัยลัก อัล-เราะห์มาน กลุ่มชาวซีเรียผู้สังเกตการณ์ฯแถลง