xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่มีข่าวเรื่อง ‘ซัมมิตทรัมป์-คิม’ ขณะรัฐมนตรีเกาหลีเหนือเสร็จสิ้นการหารือที่ ‘สวีเดน’ และส่งนักการทูตอาวุโสคนหนึ่งไป ‘ฟินแลนด์’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>ภาพถ่ายจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็น รัฐมนตรีต่างประเทศ รี ยองโฮ ของเกาหลีเหนือ (ขวา) และคณะของเขา ขณะเดินทางถึงท่าอากาศยานในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันพฤหัสบดี (15 มี.ค.) </i>
เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - คณะผู้แทนเกาหลีเหนือนำโดยรัฐมนตรีต่างประเทศ รี ยองโฮ เสร็จสิ้นการหารือกับฝ่ายสวีเดนในกรุงสตอกโฮล์มเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ว่าการพูดจาของพวกเขาได้แผ้วถางทางให้แก่การจัดประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับ คิม จองอึน ผู้นำโสมแดง อย่างไรหรือไม่ แต่ในอีกด้านหนึ่ง นักการทูตระดับสูงอีกคนหนึ่งของเปียงยางก็ออกเดินทางไปฟินแลนด์ในวันอาทิตย์ (18 มี.ค.) เพื่อการพบปะหารือกับฝ่ายตะวันตกเพิ่มเติมขึ้นอีก

สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานในวันอาทิตย์ (18) ว่า ระหว่างการพูดจาในสตอกโฮล์ม ได้มีการหารือถึง “ความสัมพันธ์ทวิภาคีและประเด็นอื่นๆ ซึ่งเป็นที่สนใจร่วมกัน” ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดมากกว่านี้

การพบปะในเมืองหลวงสวีเดนคราวนี้เกิดขึ้น 1 สัปดาห์หลังจากทรัมป์ตกลงตอบรับข้อเสนอจัดการประชุมซัมมิตกับผู้นำโสมแดง ซึ่งถ่ายทอดผ่านมาทางคณะผู้แทนเกาหลีใต้ที่ได้เข้าพบ คิม จองอึน ในกรุงเปียงยาง

การตอบรับของเขาจุดชนวนให้เกิดการวิ่งวุ่นเร่งการดำเนินการต่างๆ เพื่อจัดเตรียมวาระอันแลดูน่าเชื่อถือ สำหรับการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสอง ซึ่งอาจกลายเป็นการหารือเพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ก็เป็นได้

ทว่ายังคงไม่มีกำหนดเวลาหรือสถานที่ซึ่งจะใช้จัดซัมมิตครั้งนี้อย่างแน่นอนชัดเจน รวมทั้งจนถึงขณะนี้เกาหลีเหนือก็ยังไม่ได้มีการยืนยันด้วยซ้ำว่าได้ยื่นเสนอให้จัดการหารือ 2 ผู้นำจริงๆ

อย่างไรก็ดี ในอีกด้านหนึ่ง สื่อมวลชนหลายเจ้ารายงานว่า โช คังอิล รองผู้อำนวยการกรมกิจการอเมริกาเหนือ ของกระทรวงการต่างประเทศโสมแดง ได้ปรากฏตัวที่ท่าอากาศยานกรุงปักกิ่งในวันอาทิตย์ (18) ขณะกำลังจะออกเดินทางไปยังฟินแลนด์ โดยเป็นที่คาดหมายกันว่า ณ ที่นั่นเขาจะเจรจาหารือกับ แคธลีน สตีเฟนส์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำเกาหลีใต้

รายงานข่าวก่อนหน้านี้เคยระบุชื่อ โช เอาไว้ในรายนามคณะผู้แทนเกาหลีเหนือซึ่งเดินทางไปสวีเดน

คาดหมายกันว่า โช ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการเจรจากับสหรัฐฯ จะไปเจรจากับนักการทูตอเมริกันเกษียณอายุผู้นั้น ตลอดจนนักการทูตเกาหลีใต้เกษียณอายุอีกหลายคน สำนักข่าวยอนฮัปของโสมขาวรายงาน โดยอ้างแหล่งข่าววงการทูตที่ไม่มีการระบุชื่อ

“แต่จะไม่มีเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯหรือเกาหลีใต้ซึ่งยังทำงานปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตอนนี้คนไหนเลย ไปร่วมการเจรจา” ยอมฮัปอ้างคำพูดของแหล่งข่าวในโซลรายนี้
<i>รัฐมนตรีต่างประเทศ รี ยองโฮ ของเกาหลีเหนือ  และคณะของเขา เดินทางถึงสถานเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ ในกรุงสตอกโฮล์ม เมื่อวันพฤหัสบดี (15 มี.ค.) </i>
ย้อนกลับไปที่การประชุมเป็นเวลา 3 วันในกรุงสตอกโฮล์มซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันเสาร์ (17) ฝ่ายสวีเดนเผยว่าตนเองกำลังพยายามแผ้วถางทางให้แก่การเจรจาหารือซึ่งอาจจะยุติภัยคุกคามจากการเกิดสงครามนิวเคลียร์ได้ โดยอาศัยเครดิตจากการมีสายสัมพันธ์อย่างยาวนานกับเกาหลีเหนือ ทั้งนี้สวีเดนเป็นชาติตะวันตกชาติแรกซึ่งเปิดสถานเอกอัครราชทูตขึ้นในแดนโสมแดง โดยเปิดขึ้นตั้งแต่ปี 1975

ทุกวันนี้สถานทูตแห่งนี้ยังมีฐานะเป็นตัวแทนด้านผลประโยชน์ทางการทูตของสหรัฐฯ, แคนาดา, และออสเตรเลีย จึงทำให้สวีเดนสามารถแสดงบทบาทเป็นตัวกลางติดต่อรายหลักรายหนึ่ง และเอื้ออำนวยให้เกิดการหารือขึ้นในสตอกโฮล์มระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โกต์ วอลล์สตรอม ของสวีเดน กับ รี ยองโฮ

รี ยังได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีสวีเดน สเตฟาน ลอฟเวน ผู้ซึ่งเมื่อวันศุกร์ (16) ได้บอกว่า สวีเดนหวังที่จะเป็น “ผู้อำนวยความสะดวก” ให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างทรัมป์กับคิม

ทางด้านเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งในคณะบริหารทรัมป์ แจ้งกับเอเอฟพีในวันศุกร์ (16) ว่า จะไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯคนใดพบหารือกับฝ่ายเกาหลีเหนือในสวีเดน ที่ซึ่ง รี เคยไปประจำทำงานในฐานะนักการทูตของโสมแดงเป็นเวลา 3 ปีในช่วงกลางทศวรรษ 1980

วอลล์สตรอมได้แถลงก่อนหน้านี้ว่า การหารือกับฝ่ายเกาหลีเหนือจะขยายเวลาอีก 1 วันในวันเสาร์ (17) เนื่องจาก “บรรยากาศอันสร้างสรรค์” ของการพูดคุยใน 2 วันแรก

ทว่าไม่มีการประกาศในเรื่องรูปธรรมใดๆ ปรากฏออกมาในวันเสาร์ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสวีเดนออกคำแถลงกล่าวว่า “การหารือมุ่งให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ แก่เรื่องสถานการณ์ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงในวาระของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น”

คำแถลงได้ชี้ถึง “ความรับผิดชอบทางด้านกงสุล (ของสวีเดน) ในฐานะผู้มีอำนาจในการพิทักษ์คุ้มครองรายหนึ่ง” ให้แก่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ, แคนาดา, และออสเตรเลีย และระบุว่า “รัฐมนตรีต่างประเทศ (ของสวีเดนและเกาหลีเหนือ) ได้หารือกันถึงลู่ทางโอกาสและความท้าทายต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความพยายามทางการทูตที่กำลังดำเนินอยู่ เพื่อให้บรรลุหนทางแก้ไขคลี่คลายความขัดแย้งนี้อย่างสันติ”

กระทรวงต่างประเทศสวีเดนยังบอกในคำแถลงด้วยว่า “สวีเดนเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เกาหลีเหนือควรต้องทอดทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธของตน เพื่อเป็นการปฏิบัติตามมติต่างๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง”

คำแถลงยังบอกว่า “การหารือในเรื่องอื่นๆ นั้นมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในเกาหลีใต้, การลงโทษคว่ำบาตร, และความร่วมมือระดับภูมิภาค, ตลอดจนประเด็นปัญหาด้านความมั่นคงสำหรับประเทศต่างๆ เป็นต้นว่า เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, จีน, และสหรัฐฯ”

ทางฝ่ายเกาหลีเหนือเองนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศรี ไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ต่อสื่อมวลชน ซึ่งก็เป็นวิธีปฏิบัติเดียวกันกับที่ทางการโสมแดงเคยกระทำมา เมื่อมีการเจรจาหารือครั้งก่อนๆ

กระทรวงการต่างประเทศสวีเดนเสริมด้วยว่า รี ยังได้เดินทางไปเยี่ยมสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งสตอกโฮล์ม ซึ่งเป็นองค์กรคลังสมองด้านความมั่นคงระดับโลก เพื่อการพูดจาหารือ “แบบไม่มีการแถลงหรือเผยแพร่เป็นข่าว” กับ แจน เอเลียสสัน ประธานของสถาบันแห่งนี้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี


กำลังโหลดความคิดเห็น