รัสเซียโต้ไม่เคยมีโครงการพัฒนาสารพิษที่ใช้วางยาสายลับสองหน้าในอังกฤษ

เอเอฟพี - มอสโกไม่เคยมีโครงการพัฒนาสารทำลายระบบประสาท "โนวีชอก" (Novichok) ที่ทางอังกฤษกล่าวอ้างว่ามันถูกใช้เล่นงานบอดีตสายลับสองหน้ามอสโก เซียร์เก สกรีปัล ในอังกฤษ จากคำยืนยันของเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในวันพฤหัสบดี(15มี.ค.)

"ผมขอย้ำว่าทุกความชัดเจนเท่าที่จะเป็นไปได้ สหภาพโซเวียตหรือรัสเซียไม่มีโครงการพัฒนาสารพิษที่เรียกว่าโนวิชอก" เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์

นอกจากนี้เขายังได้ประณามคนที่เผยแพร่ข้อมูลอ้างการมีอยู่ของโครงการนี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะพาดพิงถึง วิล มีร์ซายานอฟ นักเคมีชาวโซเวียต ซึ่งเป็นคนแรกที่ออกมาเผยเกี่ยวกับการมีอยู่ของสารทำลายระบบประสาทร้ายแรงดังกล่าว

มีร์ซายานอฟ ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ในสหรัฐฯ ออกมาอ้างว่ามอสโกคิดค้นสารทำลายระบบประสาทร้ายแรงชนิดนี้ขึ้นระหว่างสงครามเย็น และเคยผลิตมันในสถาบันแห่งหนึ่งในมอสโก หน่วยงานที่เขาเคยทำงานให้จนถึงช่วงต้นทศวรรษ 1990

"เรายุติการวิจัยเกี่ยวกับสารพิษทางทหารใหม่ๆทั้งหมดหลังจากเข้าร่วมในอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี และเมื่อปีที่แล้วได้มีการทำลายสต๊อกสารเคมีทั้งหมด" รยาบคอฟกล่าว พร้อมชี้ว่าเป็นสหรัฐฯเองที่ล้มเหลวไม่ได้ดำเนินการแบบเดียวกัน "ผมหวังว่าประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องเศร้าในซัลส์บิวรี จะไม่ถูกใช้เป็นข้ออ้างใหม่สำหรับสหรัฐฯในการถอยห่างจากสิ่งที่พวกเขาต้องทำภายในกรอบการทำงานตามพันธสัญญาของพวกเขา"

เซียร์เก สกรีปัล ซึ่งเคยเป็นนายทหารยศพันเอก ในศูนย์บัญชาการข่าวกรองทางทหารของกองทัพรัสเซีย (GRU) และ ยูเลีย บุตรสาวของเขา คือ 2 คนที่ถูกพบหมดสติบนม้านั่งด้านนอกห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่เมืองซัลส์บิวรี ทางตอนใต้ของอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม และเวลานี้อาการของทั้งสองคนยังอยู่ในขั้นสาหัส

สกรีปัล ได้แจ้งระบุอัตลักษณ์ของสายลับจำนวนหลายสิบคนให้แก่ เอ็มไอ 6 อันเป็นหน่วยงานข่าวกรองในต่างประเทศของสหราชอาณาจักร ก่อนถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียจับกุมในปี 2004

เขาถูกพิพากษาจำคุก 13 ปีในปี 2006 แต่ในปี 2010 เขาได้รับสถานะผู้ลี้ภัยในอังกฤษ หลังถูกแลกตัวกับสายลับของรัสเซียหลายคนที่โดนจับกุมในตะวันตก ส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนสายลับตามรูปแบบของสงครามเย็นที่สนามบินเวียนนา

อังกฤษและพันธมิตรอย่าง ฝรั่งเศส, เยอรมนีและสหรัฐฯ กล่าวโทษไปที่รัสเซียว่าเป็นคนวางยาพิษเล่นงานสกรีปัลกับลูกสาว และเมื่อวันพุธ(14มี.ค.) อังกฤษได้เผยว่าจะขับไล่นักการทูตชาวรัสเซียจำนวน 23 คน เพื่อเป็นการตอบโต้ต่อกรณีดังกล่าว พร้อมระบุว่าจะเป็นการขับไล่ตัวแทนทางการทูตของต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดซึ่งลอนดอนเคยกระทำมาในรอบระยะเวลากว่า30ปี

ในฝั่งของรัสเซีย ซึ่งปฏิเสธเสียงแข็งมาโดยตลอดว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์โจมตีด้วยสารทำลายประสาทคราวนี้ ได้ออกมาแถลงว่าอังกฤษควรคาดหมายไว้ได้เลยว่าการกระทำของพวกเขาจะต้องเผชิญการตอบโต้