เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรเลีย ปีเตอร์ ดัตตัน(Peter Dutton) ชี้ เกษตรกรผิวขาวของแอฟริกาใต้สมควรที่ต้องได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษจากแคนเบอร์รา หลังเกิดวิกฤตถูกยึดที่ดินและความรุนแรงที่มีอัตราเสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 คนโดบเฉลี่ย ด้านพริทอเรียหัวเสีย ประณามความเห็นชี้ ไม่มีภัยคุกคามที่เจาะจงที่ว่า
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (14 มี.ค) ว่า ปีเตอร์ ดัตตัน(Peter Dutton)รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรเลียให้สัมภาษณ์พิเศษกับเดอะการ์เดียนในวันพุธ(14)ว่า กระทรวงของเขาอยู่ระหว่างการศึกษาช่องทางให้กับคนเหล่านี้เพื่อเข้าสู่ออสเตรเลียด้านมนุษยธรรม หรือโปรแกรมวีซ่าอื่นๆ
ซึ่งดัตตันเชื่อว่าในเวลานี้เกษตรกรผิวขาวแอฟริกาใต้กำลังเผชิญกับวิกฤตการถูกยึดที่ดินและความรุนแรงในประเทศของตนเอง
ทั้งนี้ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้คนใหม่ ซีริล รามาโฟซา (Cyril Ramaphosa) กำลังอยู่ในระหว่างหาช่องทางตามกฎหมายเพื่อที่จะสามารถยึดที่ดินทางการเกษตรได้โดยโดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าเวนคืน และแจกจ่ายกลับคืนให้กับพลเมืองแอฟริกาใต้ผิวสี
และนโยบายนี้ซึ่งถูกรายงานไปทั่ว รวมไปถึงสื่อของออสเตรเลียเอง พบว่าเกษตรกรผิวขาวแอฟริกาใต้ถูกฆาตกรรมในอัตรา 1 คนต่อสัปดาห์
รัฐมนตรีมหาดไทยออสเตรเลียกล่าวต่อว่า “หากพวกคุณดูภาพข่าวและอ่านเนื้อหา คุณจะได้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ”
ดัตตันยืนยันว่า ออสเตรเลียมีโปรแกรมวีซ่าผู้อพยพ ด้านมนุษยธรรม หรือโปรแกรมวีซ่าอื่นๆที่มีศักยภาพพอจะสามารถช่วยคนเหล่านี้ได้ ซึ่งเขากล่าวว่า ได้สั่งให้กระทรวงหาช่องทางอื่นๆ “เพราะจากสิ่งที่ผมเห็น พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากประเทศที่ศิวิไลซ์เช่น ประเทศของพวกเรา”
ดัตตันกล่าวเสริมว่า “คนที่ว่าพวกนี้ต้องการทำงานหนัก พวกเขาต้องการที่มีส่วนช่วยอุทิศให้กับประเทศเช่น ออสเตรเลีย” และกล่าวต่อว่า “เราต้องการคนที่ต้องการเดินทางมาที่นี่ และอยู่ภายใต้กฎหมายของเรา สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมพวกเราได้ และทำงานหนักโดยที่ไม่ต้องพึ่งสวัสดิการรัฐ และผมคิดว่าคนเหล่านี้สมควรได้รับความใส่ใจเป็นพิเศษ และทางเราแน่นอนได้ให้การใส่ใจกับพวกเขาในเวลานี้”
ในการให้สัมภาษณ์ พบว่าช่องทางฟาสต์แทร็คที่ว่า อาจรวมไปถึง ช่องทางวีซ่าด้านมนุษยธรรม(the in-country persecution visa category) และนำเกษตรกรผิวขาวแอฟริกาใต้เข้ามาออสเตรเลียผ่านทางโครงการวีซ่าด้านมนุษยธรรม ผ่านการอ้างอิงจากคนอื่นๆในออสเตรเลีย
ดัตตันกล่าวว่า จะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการได้ในเร็ววันนี้ และเมื่อทางเดอะการ์เดียนถามว่า จะสามารถทำให้เกิดความสำเร็จโดยผ่านความร่วมมือร่วมกับรัฐบาลแอฟริกาใต้ได้หรือไม่ รัฐมนตรีดัตตันตอบกลับมาว่า ออสเตรเลียสามารถร่วมมือกับรัฐบาลทั่วโลก
รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลพริทอเรียออกมาโต้การให้ความเห็นของดัตตัน ที่เจาะจงชี้ว่า “เกษตรกรผิวขาวแอฟริกาใต้” ต้องการความช่วยเหลือจาก “ประเทศศิวิไลซ์” เช่นออสเตรเลีย เนื่องมาจากคนเหล่านี้เผชิญหน้ากับ “สถานการณ์ที่โหดร้าย” ในแอฟริกาใต้
ในแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศแอฟริกาใต้กล่าวตอบโต้ว่า “ภัยคุกคามที่ว่านั้นไม่มีจริง” และชี้ว่า “ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลใดๆในโลกใบนี้ต้องให้การสงสัยว่า มีกลุ่มพลเมืองแอฟริกาใต้นั้นตกเป็นอันตรายจากรัฐบาลของพวกเขาที่ได้รับการเลือกผ่านกระบวนการทางประชาธิปไตย”
และแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “ทางเรารู้สึกเสียใจที่ออสเตรเลียเลือกที่จะไม่ใช้ช่องทางทางการทูตที่มีอยู่ ในการแสดงวามกังวลหรือเพื่อต้องการความเข้าใจมากขึ้น”
รอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มแอฟริฟอรัม( Afriforum) ซึ่งเป็นปากเสียงตัวแทนให้กับชนกลุ่มน้อยผิวขาวในแอฟริกาใต้ กล่าวว่า การที่ต้องเป็นเกษตรกรผิวขาวในประเทศนี้ถือเป็นอาชีพที่อันตรายมากที่สุดในแอฟริกาใต้ ประเทศที่เต็มไปด้วยความรุนแรงจากอาชญากรรม
แอฟริฟอรัมกล่าวว่า เกษตรผิวขาวถูกฆาตกรรมโดยเฉลี่ยเป็น 2 เท่าเทียบกับตำรวจแอฟริกาใต้ และสูง 4 เท่าในฐานะพลเมืองแอฟริกาใต้ แต่อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ชี้ว่า ทางสื่อไม่สามารถยืนยันในตัวเลขเหล่านี้ได้
ซึ่งทางกลุ่มเพื่อผลประโยชน์คนผิวขาวในแอฟริกาใต้กล่าวต่อว่า ในหลายกรณีการฆาตกรรมในพื้นที่เกษตรกรรมของคนผิวขาวมักจะรวมไปถึงการทรมาน แต่ทว่าพริทอเรียออกมาปัดว่า การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่การเกษตรไม่ได้เจาะจงไปที่เชื้อชาติเป็นหลัก แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากความรุนแรงทางอาชญากรรมนั้นระบาดไปทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตามในวันอังคาร(13) ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ รามาโฟซาประกาศกลางรัฐสภาชี้ว่า แอฟริกาใต้จะไม่ยอมสยบต่อภัยความรุนแรง และความโกลาหลในการยึดของที่ดินที่ชาวผิวขาวครอบครอง และนำมาสู่การล่มของระบบเศรษฐกิจเหมือนที่เกิดขึ้นในซิมบับเวเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนหน้า
“ทางเราจะไม่ยอมให้เกิดสถานการณ์ที่เราอนุญาตให้มีการยึดครองที่ดิน เพราะนั่นเป็นอนาธิปไตย” รามาโฟซาแถลง และกล่าวต่อว่า “ทางเราไม่สามารถทำให้เกิดสถานการณ์อนาธิปไตยเพราะเรามีกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เหมาะสม ซึ่งเปิดโอกาสให้เราสามารถทำงานเพื่อคืนที่ดินให้กับพลเมืองของพวกเราได้”
ในการแถลง ผู้นำแอฟริกาใต้คนใหม่ยืนยันว่า การยึดที่ดินและแจกจ่ายกลับออกไปใหม่จะไม่เป็นอันตรายต่อการผลิตอาหารในแอฟริกาใต้