เอเจนซีส์ - “ปูติน” เผยตัวเองเคยสั่งสอยเครื่องบินโดยสารหลังได้รับรายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกจี้ให้ไปลงที่เมืองโซชิขณะใกล้เริ่มพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เคราะห์ดีที่ได้รับรายงานตามมาว่า ผู้โดยสารคนที่ข่มขู่เพียงแค่เมาเท่านั้น
ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ความยาว 2 ชั่วโมงชื่อ “ปูติน” ซึ่งเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียของรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ (11 มี.ค.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เปิดเผยกับแอนเดรย์ คอนดราชอฟ ผู้ดำเนินรายการว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2014 เขาได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงที่รับผิดชอบการรักษาความปลอดภัยโซชิ โอลิมปิก ก่อนที่พิธีเปิดจะเริ่มต้นขึ้นไม่นาน แจ้งว่า เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งที่บินจากยูเครนมุ่งหน้าสู่เมืองอิสตันบูลในตุรกีถูกจี้ และคนร้ายบังคับให้นักบินนำเครื่องไปลงที่โซชิ
คอนดราชอฟอธิบายเพิ่มเติมว่า นักบินของสายการบินปิกาซัส แอร์ไลนส์ ของตุรกี ที่ควบคุมเครื่องโบอิ้ง 737-800 มุ่งหน้าสู่อิสตันบูลลำดังกล่าว แจ้งว่าผู้โดยสารคนหนึ่งมีระเบิดและบังคับให้เปลี่ยนเส้นทางไปยังเมืองตากอากาศริมทะเลดำแห่งนั้น ซึ่งกำลังเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในตอนนั้น
ปูตินเล่าต่อว่า เมื่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคง เขาได้รับคำตอบว่า ในสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ตามระเบียบวิธีที่กำหนดไว้จะต้องจัดการด้วยการยิงเครื่องบินลำนั้น
“ผมบอกพวกเขาให้ทำตามแผนฉุกเฉิน” ผู้นำรัสเซียบอกและเล่าต่อไปว่า แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาได้รับรายงานอีกครั้งแจ้งว่า ผู้โดยสารที่อ้างว่ามีระเบิดแท้จริงเพียงแค่เมา และเครื่องบินมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางตามปกติ อีกไม่นานต่อมาเขาก็เดินทางไปเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว พร้อมกับเจ้าหน้าที่โอลิมปิกสากล
ทางด้าน ดมิตริ เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ยืนยันในวันอาทิตย์ (11) ถึงคำบอกเล่าของปูติน
ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ถูกนำออกเผยแพร่ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ (18) ซึ่งแม้มีผู้ท้าชิงตำแหน่งจากปูตินถึง 7 คน แต่ไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง ขณะที่อเล็กไซ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านที่เป็นคู่แข่งที่โดดเด่นที่สุด ก็ถูกห้ามลงสมัคร
ทั้งนี้ส่วนแรกของภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ ถูกโพสต์บนโซเชียลมีเดียหลายบัญชี ซึ่งรวมถึงบัญชีของดมิทรี คิเซลิออฟ ผู้จัดการด้านสื่อของรัฐและนักวิจารณ์คนสำคัญ รวมทั้งในบัญชียูทูบที่สนับสนุนเครมลิน
ระหว่างถ่ายทำ คอนดราชอฟ ซึ่งเป็นพิธีกรดังของสถานีทีวีของรัฐและเลขานุการฝ่ายสื่อของปูตินด้วย ยังถามประมุขวังเครมลินว่าจะมีสถานการณ์ใดหรือไม่ที่ทำให้เขาคิดคืนดินแดนแหลมไครเมียให้ยูเครน ซึ่งคำตอบจากผู้นำรัสเซียก็คือ ไม่มีและจะไม่มีสถานการณ์แบบนั้นเด็ดขาด
ทั้งนี้ รัสเซียเข้าผนวกไครเมีย หลังจากผู้นำยูเครนที่สนับสนุนมอสโกถูกโค่นอำนาจในปี 2014
ต่อมาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว สหประชาชาติ กล่าวหารัสเซียละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงในไครเมีย
ในภาพยนตร์สารคดี ปูตินบอกด้วยว่า เขาสามารถให้อภัยได้ในบางเรื่องบางราวเท่านั้น แต่เรื่องที่ไม่สามารถอภัยให้ได้เลยคือการทรยศ
“แต่อาจเป็นเพราะผมเลือกคนที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ผมจึงไม่ต้องเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายที่เรียกว่า การทรยศ”
ผู้นำรัสเซียยังเล่าว่า สปิริดอน ปูติน ปู่ของตนเคยเป็นเชฟให้อดีตผู้นำสองคนคือ วลาดิมีร์ เลนิน และโจเซฟ สตาลิน และยังคงดูแลอาหารการกินให้พวกผู้นำสหภาพโซเวียต จนกระทั่งไม่นานก่อนเสียชีวิตในปี 1965 ด้วยอายุ 86 ปี