xs
xsm
sm
md
lg

InClip:สหรัฐฯสัญญาณแรง “ปักหลักยาวในเอเชีย” บีบจีน ส่ง USS Carl Vinson จอดห่างฝั่งเวียดนามแค่ 2 ไมล์ทะเล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – นักวิเคราะห์ยืนยัน ไม่ธรรมดา ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าเวียดนามครั้งแรกในรอบ 40 ปี พบ USS Carl Vinson หนัก 95,000 ตัน ทอดสมรสงบนอกฝั่งดานังห่างไป 2 ไมล์ทะเล จอดนาน 4 วัน เชื่อวอชิงตันใช้เป็นเครื่องมือวัดใจจีนปัญหาสร้างเกาะเทียม พิพาททะเลจีนใต้ สื่อสหรัฐฯชี้ วอชิงตันส่งสัญญาณต่อเนื่องล่าสุด “เรามาที่เอเชีย เพื่ออยู่ยาว”

CNN รายงานวันนี้(5 มี.ค)ว่า ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปี หลังสงครามเวียดนาม เรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาจอดที่เวียดนามเป็นครั้งแรก

ซึ่งในวันจันทร์(5) สื่อสหรัฐฯรายงานว่ามีภาพเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ทอดสมรห่างจากฝั่งสมรภูมิรบดานัง สมรภูมิรบครั้งสำคัญช่วงสงครามเวียดนามยุติในปี 1975 ห่างออกไปราว 2 ไมล์ทะเล

ในทางสาธารณะ CNN ชี้ว่า วอชิงตันสร้างภาพถึงการเดินทางมาเยือนเวียดนามครั้งแรกของเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ที่มีลูกเรือและนักบินขับไล่ประจำการร่วม 5,000 นาย เป็นการกระชับความสัมพันธ์ครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างทั้ง 2 ชาติ ซึ่งในอดีตเคยเป็นศัตรูมาก่อน

แต่ทว่าในเบื้องลึกความเป็นจริงแล้ว เป็นมากกว่าการเยือนตามปกติ

ทั้งนี้นักวิเคราะห์กล่าวว่า การมาเยือนเวียดนามของเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson น้ำหนักร่วม 95,000 ตัน นั้นเป็นสัญญาณแรงที่วอชิงตันส่งไปยัง “ปักกิ่ง” ซึ่งเรือรบลำนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อขวางความก้าวร้าวทางกองกำลังรบของจีนในเขตพิพาททะเลจีนใต้ และการก่อสร้างเกาะเทียม
พลเรือตรี จอห์น เคอร์บี (John Kirby) อดีตโฆษกเพนตากอน และปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญทางการทหารและการทูตประจำ CNN ได้กล่าวให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “เวียดนามวิตกมานานแล้วถึงความก้าวร้าวของจีนในเขตทะเลจีนใต้”

และกล่าวต่อว่า “พวกเขาต่างวิตกถึงที่ว่า ปักกิ่งกำลังจะไปที่ใด และพวกเขาต้องการมานานหลายปีแล้วที่ปราถนาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสหรัฐฯ”

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า กิจกรรมช่วง 4 วันที่ไม่ธรรมดาระหว่าง USS Carl Vinson เยือนนั้นเน้นหนักไปในด้านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเป็นต้นว่า การทำอาหาร และการแข่งกีฬา เกิดขึ้นระหว่างลูกเรือสหรัฐฯและบรรดานายทหารเรือเวียดนาม

นอกจากนี้ อาจจะคิดว่าไม่สำคัญแต่ทางอเมริกันถือเป็นเรื่องที่ต้องกระทำเพราะพบว่า ตามกำหนดการมีการส่งทหารอเมริกันบางส่วนไปเยือนศูนย์เหยื่อฝนเหลืองเวียดนาม อาวุธสงครามเคมีที่กองทัพสหรัฐฯได้ใช้ในช่วงสมัยสงครามเวียดนาม ซึ่งเคยมีรายงานระบุว่า ยังไม่ทราบตัวเลขที่แน่นอนของอาวุธเคมีที่ว่านี้ว่าทางสหรัฐฯใช้ไปมากน้อยเท่าใด ซึ่งพบว่า “ฝนเหลือง” นี้สามารถทำให้คนล้มป่วยมากมายหลายอาการ รวมทั้งมะเร็งในเม็ดเลือด สารพิษดังกล่าวยังสามารถส่งผลต่อคนรุ่นลูกหลานของผู้ที่ได้รับ หรือได้สัมผัสอีกด้วย

ตัวเลขของกองทัพสหรัฐฯ ที่เปิดเผยในระยะหลังๆ พบว่า มีการนำขึ้นเครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยในเขตป่าเวียดนาม ทั้งในเขตป่าไม้เบญจพรรณสมบูรณ์ และป่าโกงกางชายทะเล และตามชายฝั่งแม่น้ำโขงในภาคใต้ รวมอย่างน้อย 19 ล้านแกลลอน ใช้มากที่สุดในช่วงปี 2510-2511 จนกระทั่งปี 2514 ภายหลังการเซ็นสัญญาสันติภาพกรุงปารีส จึงได้เลิกใช้ หากคิดเป็นเที่ยวบินก็มีการนำสารกำจัดใบไม้มีพิษชนิดนี้ไปโปรยรวม จำนวน 20,000 เที่ยว รวมเป็นพื้นที่ราว 20,000 ตารางกิโลเมตร มีป่าไม้ถูกทำลาย ใบร่วงจนโกร๋น จำนวน 12,500,000 ล้านไร่ ทำลายพืชผลต่างๆ ของราษฎรอีก 1,250,000 ไร่

ในรายงานของ CNN ชี้ว่า Orange agent หรือฝนเหลืองนี้ถูกใช้ในช่วงสงครามเพื่อทำลายป่าไม้เวียดนาม แต่วิกีพีเดียชี้ว่า ฝนเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาอาวุธของเพนตากอนในขณะนั้น ที่มีการพัฒนาใช้ยาปราบศัตรูพืชเป็นอาวุธในการทำสงคราม

สื่อสหรัฐฯรายงานต่อว่า จีน และความเคลื่อนไหวของกองกำลังรบของจีนในเขตน่านน้ำทะเลจีนใต้เป็นประเด็นสำคัญในช่วงการเยือนเวียดนามของเรือรบสหรัฐฯ USS Carl Vinson

นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ทางปักกิ่งได้เร่งสร้างเกาะเทียมขึ้นในเขตน่านน้ำพิพาทถึงแม้ทางศาลอนุญาโตตุลาการถาวรจะออกคำตัดสินในปี 2016 ที่ชี้ขาดว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนตามการอ้างเขตทางน่านน้ำของปักกิ่ง และเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศคู่พิพาทที่มีปากเสียงกับจีนมากที่สุดในปัญหาเขตแดนทางทะเล

พบว่าในเดือนมิถุนายน 2017 ฮานอยปฎิเสธอย่างแข็งกร้าวต่อปักกิ่งในการล้มเลิกการขุดเจาะบริเวณ Vanguard Bank พื้นที่ของเวียดนามตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทางเวียดนามได้ให้สิทธิ์แก่บริษัทพลังงานสเปน เรปโซล( Repsol) ในการขุดเจาะพื้นที่ซึ่งทางปักกิ่งได้อ้างถือสิทธิครอบครองในพื้นที่นี้บางส่วน

แต่อย่างไรก็ตาม 1 เดือนหลังจากนั้น ฮานอยต้องยอมถอยหลังถูกปักกิ่งกดดันอย่างหนัก CNN ชี้

นอกจากที่จะแสดงจุดยืนตรงกันข้ามกับจีนแล้ว ฮานอยยังผลักดันให้บรรดาชาติสมาชิกอาเซียนให้เปลี่ยนจุดยืน หันมาเผชิญหน้ากับจีนมากขึ้น แต่ทางอาเซียนเลือกที่จะไม่กระทำตาม

ด้านนักวิเคราะห์ในภูมิภาค เลอ ฮอง ฮีพ(Le Hong Hiep) ประจำสถาบัน ISEAS ยูโซฟ อีชาค(Yusof Ishak) ออกมาให้ความเห็นว่า “นี่เป็นเกมส์การถ่วงดุลอำนาจอย่างชัดเจน และจีนกำลังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของกองทัพในเขตทะเลจีนใต้”

นอกจากนี้เขายังกล่าวว่า “และคนอื่นๆต้องทำมากกว่านี้เพื่อที่จะตอบโต้จีน”

ทั้งนี้ที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯชุดโอบามาและชุดทรัมป์ วอชิงตันยังคงนโยบาย “การเดินเรือเสรี” ในเขตนี้ ที่จะได้เห็นมีการส่งเรือรบ และเครื่องบินรบลาดตระเวนเข้าเฉียดใกล้เขตหมู่เกาะที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์ ถึงแม้จะมีคำขู่ออกมาจากปักกิ่งก็ตาม

แต่ทว่า CNN ชี้ว่า สิ่งนี้ส่งผลน้อยมากต่อปักกิ่งในการที่เปลี่ยนทิศทาง ยอมหยุดการแผ่ขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้

สำหรับเวียดนาม สื่อสหรัฐฯกล่าวว่า วอชิงตันมองเป็นเสมือนโอกาสในการร่วมมือกันต่อปัญหาร่วม และการต่อต้านต่อการแผ่อิทธิพลในภูมิภาคของปักกิ่ง

ซึ่งในสายตา CNN ชี้ว่า ทางวอชิงตันคล้ายกับส่งสัญญาณออกมาเตือนว่า ***สหรัฐฯมาที่เอเชียเพื่อพร้อมที่จะอยู่ยาว***

เพราะนอกเหนือจากเวียดนาวแล้ว พบว่าทางสหรัฐฯยังกระชับความร่วมมือทางการทหารกับพันธมิตรของสหรัฐฯ เป็นต้นว่า ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่ชอบจีนเท่าใดนัก

ในขณะที่ผู้บัญชาการระดับสูงของกองบัญชาการกองกำลังสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกชี้ว่า จะมีความร่วมมือกันมากขึ้นระหว่างวอชิงตันและแคนเบอร์ราในอนาคตต่อปัญหาทะเลจีนใต้

ซึ่งในวันศุกร์(2)ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐฯว่า ทางจีนหวังว่า การเดินทางมาเยือนเวียดนามของเรือรบบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson จะเกิดขึ้นในบทบาทที่สร้างสรรคต่อภูมิภาค มากกว่าจะทำให้ประเทศในแถบนี้อยู่ภายใต้ความกดดัน

ในตอนท้าย เคอร์บีกล่าวให้ความเห็นผ่าน CNN ว่า การมาเยือนของเรือรบบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯนี้ “เป็นการแสดงให้เห็นว่า ทางเรามีความห่วงใยแค่ไหนต่อความสัมพันธ์นี้” ซึ่งเป็นความหมายที่ถูกส่งกลับไปให้ทางฮานอยรับทราบ

แต่สำหรับทางปักกิ่งแล้ว เคอร์บีชี้ว่า “ สารนั้นถูกตีความไปถึงสิ่งที่พวกเขาทำในภูมิภาค แต่อาจจะสามารถตีความเป็นวงกว้างไปยังทุกฝ่ายในภูมิภาคแปซิฟิกก็ย่อมได้ที่ว่า อเมริกามาที่นี่แล้ว และเรามาที่นี่เพื่อพร้อมอยู่ถาวร”







กำลังโหลดความคิดเห็น